ไวยาวัจกรวัดบางคลาน พร้อมทนายความ นำหลักฐานแจ้งความตำรวจ สภ.โพทะเล เอาผิดผู้ร่วมก่อเหตุบุกยึดวัดบางคลาน
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ที่ สภ.โพทะเล จ.พิจิตร นายพร ปั้นเพ็ง ไวยาวัจกรวัดหิรัญญาราม หรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน พร้อมด้วย นายธรรมราช สารปัญญา ประธานกองบุญทนายความธรรมราช ทนายความ และ ม.ล.กานตพงศ์ วรวุฒิ (หม่อมช้าง) ประธานชมรมลูกตถาคต เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.สิโรจน์ เพชรดี พนักงานสอบสวน สภ.โพทะเล เพื่อดำเนินคดีเอาผิดทางกฎหมายต่อกลุ่มลูกศิษย์และอดีตเจ้าอาวาสร่วมกันบุกยึดครอบครองวัดบางคลาน และร่วมกันต่อต้านทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่บ้านเมือง รวมทั้งทำลายทรัพย์สินของทางราชการที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ “ปฏิบัติการทวงคืนวัดบางคลาน” ในวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยมีหลักฐานรูปถ่ายและคลิปวิดีโอต่างๆ เป็นหลักฐาน ขอให้เอาผิดในข้อหาร่วมกันบุกรุกยึดครองวัด มากกว่า 5 คนขึ้นไป และข้อหาร่วมต่อสู้ขัดขวางการเข้าปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน และข้อหาร่วมกันใช้อาวุธทำลายทรัพย์สินภายในวัดเสียหายและสาบสูญไป ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะได้รวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายพรกล่าวว่า ได้ขออำนาจศาลคุ้มครองวัดบางคลานชั่วคราว และศาลจังหวัดพิจิตรมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 393/2566 ให้จำเลยคือ นายธนกิจ พ่วงสุขวรกุล นายสนองเผ่าพันธุ์ นายณรงค์ อินทร์จ่าย นายอัมพรแหลมเสน นางสาวจำเรียง บุญมา ปลดล็อกแม่กุญแจและนำโซ่ออกจากประตูรั้ววัดบางคลานทุกบาน พร้อมห้ามจำเลยทั้ง 5 และบริวารปิดประตูรั้ววัด ห้ามกีดขวางไม่ให้เจ้าอาวาสและคณะกรรมการเข้าไปดำเนินงานภายในวัดเป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
นายพรกล่าวว่า รวมทั้งคดีอาญาหมายเลขที่ 595/2566 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดพิจิตรเป็นโจทก์ ยืนฟ้อง นางสาวปภานัน หรือสุภา อยู่ยืด จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 15 คน เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ศาลจังหวัดพิจิตรมีคำสั่งห้ามมิให้จำเลย ทั้ง 15 กระทำการใดอันเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่และประกอบศาสนกิจของ พระครูพิสุทธิวรากร เจ้าอาวาส และให้เข้าออกในเวลาตามที่วัดกำหนด มิฉะนั้น ศาลจะพิจารณาเกี่ยวกับการเพิกถอนสัญญาประกัน แจ้งคำสั่งให้จำเลยทราบ
นายพรกล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 13 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ภายในวัดบางคลานโดยที่เจ้าอาวาสที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์จะไปปฏิบัติหน้าที่ภายในวัด โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง รวมทั้งผู้ว่าฯ นายอำเภอ และตำรวจที่จะนำเจ้าอาวาสเข้าไปในวัด แต่เข้าไม่ได้ มีผู้ต่อต้านซึ่งมีมีแกนนำชุดเดิมๆ ใช้น้ำผสมยาฆ่าแมลง ใช้ก้อนหิน ใช้หนังสติ๊กยิงลูกหิน ลูกแก้ว และยิงปืนอัดลมทำร้ายร่างกายเจ้าหน้า รวมทั้งปิดประตูวัด ทำการยึดครองควบคุมวัด ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายบ้านเมือง
“พระครูพิสุทธิวรากรได้มอบให้ผมรวบรวมหลักฐานตามภาพถ่ายและคลิปต่างๆ มาพร้อมกับทนายความ และที่ปรึกษาของท่านเจ้าอาวาสมาแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.โพทะเล ในข้อหาร่วมกันทำการบุกรุกครอบครองวัด (นิติบุคคล) มากกว่า 5 คนขึ้นไป ข้อหาร่วมกันต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าอาวาส และร่วมกันใช้อาวุธทำลายให้ทรัพย์สินภายในวัดเสียหายและสาบสูญไป” นายพรระบุ (อ่านข่าว : เดือด! ระดมกำลัง 100 นาย พา ‘เจ้าอาวาส’ ทวงคืนวัดบางคลาน ศิษย์เก่าฮือ ปาน้ำอึใส่ตร.)
ไวยาวัจกรวัดบางคลานกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีทรัพย์สินสูญหายไปหลายรายการ ส่วนแกนนำที่ปลุกระดมมีหลายคน และมีชายชุดดำที่ถูกจับก่อนหน้านี้ที่อยู่ระหว่างประกันก็กลับมาปิดวัดอีก รวมทั้งมีคนที่กำลังถูกดำเนินคดีในชั้นศาล และที่ศาลตัดสินห้ามเข้าวัดห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวภายในวัดบางคลานก็มาร่วมบุกยึดวัดและทำร้ายเจ้าหน้าที่ เห็นได้ว่าเมื่อทำผิดซ้ำๆ อย่างนี้ก็ไม่ควรให้ประกันตัวในชั้นตำรวจ ควรไปคุยกันในชั้นศาล ถ้าอยากประกันตัวก็ไปประกันในชั้นศาล ทั้งนี้ การกระทำผิดที่รุนแรงอย่างนี้มีบุคคลที่มีอำนาจ มีอิทธิพลคอยบัญชาการสั่งการปลุกระดม หนุนหลังชาวบ้าน ทำชาวบ้านเข้าใจผิด และการกระทำดังกล่าวมีการวางแผนก่อเหตุความรุนแรง รวมทั้งตั้งตัวไม่ยอมรับข้อกฎหมายบ้านเมือง และไม่ฟังคำสั่งศาล ถือเป็นการละเมิดกฎหมาย ยิ่งกว่าโจรอีก เห็นควรให้ดำเนินการให้เด็ดขาด
ด้านนายธรรมราชกล่าวว่า กองบุญทนายความธรรมราชอาสามาเป็นทนายความให้กับวัดบางคลาน ความรุนแรงที่ผ่านมาภายในวัดบางคลานไม่สมควรจะเกิดขึ้นภายในวัดอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของสาธุชนจากทั่วประเทศ อยากให้ประชาชนคนไทยมองขึ้นไปบนฟ้าว่าการผันแปรของประเทศนั้นยังดีอยู่ไหม กฎหมายต่างๆ ที่มีอยู่ยังสามารถบังคับใช้ได้หรือไม่
ม.ล.กานตพงศ์กล่าวว่า การดำเนินการของใครก็ตามที่ทำการการยึดวัดเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ถือเป็นเรื่องอันตรายต่อศีลธรรม และเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง การกระทำของกลุ่มบุกยึดวัดบางคลานถือว่าเขาไม่ได้ทำลายเพียงพระสงค์แค่องค์เดียว แต่ทำลายพระ 2 แสนกว่ารูป ซึ่งถือว่าเป็นการทำบาปที่มีบาปเป็นมหันต์มาก
ม.ล.กานตพงศ์กล่าวอีกว่า ผมเห็นว่าเรื่องนี้เราเองและชาวพุทธไม่สามารถรับได้ ซึ่งการใช้อำนาจพลเรือน หรืออำนาจอิทธิพลต่างๆ ปลุกระดมเข้าไปยึดที่อยู่ของพระสงฆ์ไม่ว่าใครก็ตาม แต่เป็นการทำผิดกฎหมาย ถึงเวลาที่ชาวพุทธต้องปกป้องวัดแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุวุ่นวายภายในวัดบางคลานทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปกราบไหว้หลวงพ่อเงินเนื่องจากหวาดกลัว ส่งผลให้ร้านค้าต่างๆ ขาดรายได้จากนักท่องเที่ยว
ผู้ประกอบการร้านค้าหน้าวัดบางคลานกล่าวว่า ทุกวันหยุดจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในวัด แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ (วุ่นวาย) มีนักท่องเที่ยวน้อยลง จนส่งผลกระทบกับร้านค้าขายของไม่ได้ อยากให้เร่งแก้ไข หาข้อยุติปัญหาความขัดแย้งให้วัดคืนกลับมาในสภาพปกติ
ขณะที่ชาวบ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านเจ้าอาวาสวัดองค์ใหม่ กล่าวว่า อยากให้ช่วยแก้ไขด้วยสันติวิธี แต่ด้วยวันที่เกิดเหตุการณ์ ทางหน่วยงานระดมเจ้าหน้าที่มาจำนวนมาก ทำให้ชาวบ้านหวาดระแวง ชาวบ้านส่วนใหญ่ อยากให้แก้ไข้ข้อยุติ การพูดคุย และขอให้ทำตามแนวทางที่ชาวบ้านต้องการเปลี่ยนเจ้าอาวาส หากไม่มีการแก้ไขข้อพิพาทเร่งด่วนก็จะทำให้เกิดผลกระทบกับชุมชน ทั้งการใช้สถานที่ ประกอบพิธีทางศาสนาและ ความเป็นอยู่ของชุมชน