1 ปี เมาท์เท่น บี ญาติทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต ในขณะที่คนเจ็บผ่านมา 1 ปี บาดแผลทั้งใจและกายยังไม่หายขาดต้องทนทุกข์ทรมานกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ครบรอบ 1 ปี จากเหตุการณ์เพลิงไหม้เมาท์เท่น บี สถานบันเทิงในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ทำให้มีผู้เสีย จำนวน 26 ราย บาดเจ็บราว 50 ราย เป็นโศกนาฏกรรมที่สร้างความหดหู่และโศกเศร้า โดยเฉพาะญาติผู้สูญเสีย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น. ของวันที่ 5 สิงหาคม 2565 ขณะที่นักท่องเที่ยวกำลังดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน ได้เกิดประกายไฟบนฝ้าเพดาน จากนั้นไม่เกิน 5 นาที เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากตัวหลังคามีการบุโฟมลมดูดซับเสียงที่เป็นวัตถุติดไฟได้ง่าย ทำให้นักท่องเที่ยวตกใจวิ่งกรูไปยังประตูทางออกเบียดเสียดเหยียบกันล้ม บางคนถูกไฟคลอก
ล่าสุดครบรอบ 1 ปี บรรดาญาติของผู้ที่เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บได้ร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต ที่สำนักปฏิบัติธรรมซอยเย็นฤดี โดยนิมนต์พระมาสวดตามประเพณีพุทธศาสนา ท่ามกลางความเศร้าของบรรดาญาติๆ
นางเบญจมาพร คล้ายแสง มารดานายวิริยะ แต่งสง่า ผู้เสียชีวิต ที่ได้นำมาทำบุญอุทิศส่วนกุศล เล่าว่า ได้ร่วมกับญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ได้ร่วมกันมาทำบุญครบรอบ 1 ปี ซึ่งผ่านมา 1 ปีแล้ว ตั้งแต่เกิดเหตุได้รับเงินจากเจ้าของ 3 ครั้ง ครั้งละ 50,000 บาท จากนั้นก็ไม่เคยมาดูแล หรือมาพูดคุยเลย ซึ่งอยากฝากให้เจ้าของได้มาดูแลเพราะยังมีหลานอีก 3 คน ที่ต้องดูแลหลังจากขาดเสาหลักไป ส่วนภรรยาก็ป่วยมีโรคประจำตัว พ่อแม่ต้องคอยดูแลหลานๆ แทน
ด้าน นางกัญญารัตน์ งามดี มารดานายภารุพงษ์ ร่วมสุข เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ซึ่งได้รับบาดเจ็บไฟไหม้คลอกทั้งตัว ต้องนอนโรงพยาบาลนานกว่า 3 เดือน ปัจจุบันบาดแผลก็ยังไม่หาย มีบาดแผลพุพองทั่วตัว ยังเป็นแผลที่ยังไม่แห้งสนิท ซึ่งนายภารุพงษ์ต้องพักรักษาตัวที่บ้าน อยู่แต่ในห้อง เนื่องจากกลัวแผลติดเชื้อ
นายภารุพงษ์ ร่วมสุข ผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้เมาท์เท่น บี กล่าวว่า หลังจากเหตุการณ์วันนั้น 1 ปี ตนต้องนอนโรงพยาบาล นานกว่าจะรู้สึกตัว ก็ใช้เวลาหลายอาทิตย์ ไม่รู้สึกตัว ไฟไหม้คลอกทั้งตัวจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากมาพักรักษาตัวอยู่บ้านก็ไม่กล้าออกไปไหน งานก็ไม่ได้ทำ แต่เจ้านายและเพื่อนร่วมงานก็ยังมาช่วยตลอดทั้งเรื่องล้างแผลให้ และช่วยเหลือเงินบางส่วน แต่เจ้าของร้านตั้งแต่เกิดเหตุตนก็ไม่เห็นหน้าแต่อย่างใด ไม่เคยมาดูแล ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์นี้มาตนก็อยากลืมๆ ไม่อยากจำเรื่องนี้เลย
มารดาของนายภารุพงษ์กล่าวอีกว่า 1 ปีที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นรู้สึกแย่มาก จากที่เราทำงานหากินก็ต้องมาดูแลลูก รายได้ก็เหลือเพียงคนเดียวที่ทำงานได้ เครียดก็ไม่กล้าพูดคุยกับลูกเพราะเขาป่วย คิดมาก พอพูดก็จะบอกว่าเป็นตัวถ่วง ด้านเจ้าของไม่เคยจะมาดูแล ไม่เคยมาเยี่ยม ทั้งๆ ที่ไม่ไกลกันเลย ตั้งแต่เกิดเรื่องลูกตนก็เก็บตัวเงียบไม่ออกไปไหนนอกจากไปโรงพยาบาล บางทีก็บ่นว่าตอนรักษาตัวทำไมไม่ชักออกซิเจนออกเลยจะได้ไม่ต้องรับรู้ ทรมาน ซึ่งตอนนี้คดีก็อยู่ที่ศาลจังหวัดพัทยาตามขั้นตอนสืบพยาน นอกจากนี้ยังมีการฟ้องร้องศาลปกครองเอาผิดกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องในการเปิดสถานบริการเกินเวลาและไม่มีใบอนุญาต
สำหรับพื้นที่ของเมาท์เท่น บีนั้น ปัจจุบันปล่อยทิ้งไว้แต่มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจนหมด มีเพียงที่โล่งๆ หญ้าขึ้น แต่ยังมีร่องรอยกระจก สิ่งก่อสร้างที่ยังเหลืออยู่ตามพื้น
