รำลึก 30 ปี เหตุตึกโรงแรมรอยัลพลาซ่าถล่ม พนง.รอดชีวิตถูกตัดขา ย้อนนาทีระทึก

รำลึก 30 ปี เหตุตึกโรงแรมรอยัลพลาซ่าถล่ม พนง.รอดชีวิตถูกตัดขา ย้อนนาทีระทึก

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ครบรอบ 30 ปี เหตุการณ์ “โรงแรมรอยัลพลาซ่า” โรงแรมชื่อดังกลางเมืองนครราชสีมา ตั้งอยู่ระหว่างถนนจอมสุรางค์ และถนนโพธิ์กลาง ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ได้พังถล่มลงมาเมื่อเวลา 10.12 น. ของวันที่ 13 สิงหาคม 2536 ซึ่งในเวลาไม่ถึงสิบวินาที โศกนาฏกรรมในครั้งนี้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 137 ราย และบาดเจ็บ 227 คน นับเป็นเหตุการณ์สลดที่ชาวจังหวัดนครราชสีมาไม่มีวันลืม เพราะจากสภาพตัวอาคารของโรงแรมที่สูง 6 ชั้น ได้พังทลายลงมาหมด เหลือเพียงโถงลิฟต์โดยสารที่สร้างแยกออกมาจากโครงสร้างอาคารที่ไม่ถล่มลงมาเท่านั้น และในขณะเกิดเหตุมีการจัดประชุมสัมมนาอยู่ 2 ชุด มีผู้คนอยู่ภายในอาคาร รวม 379 คน

ในจำนวนนี้ 117 คน เป็นข้าราชการของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เข้าร่วมการสัมมนาในห้องเบญจมาศ ชั้น 2 และอีก 59 คน เป็นพนักงานของบริษัทเชลล์ กำลังประชุมอยู่ที่ห้องพิกุลชวนชม ที่ชั้น 4 ส่วนอีก 78 คนเป็นผู้มาพักในโรงแรม และ 125 คนเป็นพนักงานของโรงแรม หลังเกิดเหตุต้องปฏิบัติการกู้ภัยค้นหาผู้รอดชีวิตในซากตึกโรงแรมด้วยความยากลำบาก เพราะมีผู้ประสบเหตุจำนวนมากและไม่มีเครื่องมือหนักในการช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ต้องคลานเข้าไปใต้ซากอาคารที่อาจพังถล่มซ้ำลงมาได้ทุกเมื่อ ในขณะที่ผู้รอดชีวิตบางส่วน ซึ่งติดอยู่ภายใต้ซากอาคาร ได้รับการกู้ภัยช่วยเหลือจากการติดต่อสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือ ทำให้ต้องเร่งระดมค้นหาช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง นานกว่า 20 วัน กระทั่งสิ้นสุดการค้นหาในวันที่ 3 กันยายน 2536 นับเป็นหนึ่งในภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุดของประเทศ

ทั้งนี้ “โรงแรมรอยัลพลาซ่า” เดิมชื่อ “โรงแรมเมืองใหม่เจ้าพระยา” ได้มีการปรับปรุงโรงแรมให้มีสถานบันเทิงอย่างครบครัน อาทิ อาบอบนวด คาเฟ่ เอ็กเซ็กคูทีฟผับ เลเซอร์เธค บาร์เบอร์ จนได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยนั้น และจากการปรับโฉมโรงแรมขึ้นใหม่ ได้มีการต่อเติมอาคารจาก 3 ชั้น เป็นอาคาร 6 ชั้น พร้อมห้องประชุมสัมมนาขนาดใหญ่ที่ชั้น 6 และยังมีอีก 3 โครงการที่จะทำเพิ่ม คือ ปรับปรุงคาเฟ่ใหม่ทั้งหมด และจะสร้างอาคารจอดรถ สูง 8 ชั้น จอดรถได้ 400 คัน ด้วยงบสูงถึง 30 ล้านบาท กับเตรียมจัดงานใหญ่ฉลองครบรอบ 10 ปีโรงแรม ในเดือนพฤศจิกายน 2536 แต่กลับมาเกิดเหตุการณ์สลดโรงแรมพังถล่มขึ้นเสียก่อนในวันที่ 13 สิงหาคม 2536 จากสาเหตุการก่อสร้างอาคารและการอนุญาตแบบแปลนก่อสร้างอาคารที่ไม่ถูกต้องตามหลัก พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ต่อเติมโรงแรมเพิ่มอีก 3 ชั้น ทำให้เสารับน้ำหนักตัวอาคารไม่ไหว อีกทั้งโครงสร้างเสายังไม่ได้เชื่อมยึดติดกัน ทำให้เสาที่ตั้งอยู่บนคาน แบกรับน้ำหนักมากเกินไป ทำให้คานหลุดออกจากหัวเสาที่ชั้น 2 และโครงสร้างอาคารบนหัวเสายุบตาม ส่งแรงดึงรั้งกระทบเสาต้นข้างเคียงให้หักล้มตามมาในที่สุด

Advertisement

ภายหลังเหตุการณ์ เจ้าของอาคารและบุคคลอื่นอีก 5 คน ถูกตำรวจจับกุม ซึ่งการฟ้องร้องดำเนินคดี มาสิ้นสุดลงเมื่อปลายปี 2543 โดยศาลฎีกาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตนายบำเพ็ญ พันธ์รัตนอิสระ วิศวกรควบคุมการก่อสร้างต่อเติมอาคารโรงแรม ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ส่วนผู้บริหารโรงแรมทั้งหมดพิพากษายกฟ้อง ด้วยเหตุผลผู้บริหารโรงแรมไม่มีความรู้เรื่องโครงสร้าง จึงไม่มีความผิด ศาลจึงพิพากษายกฟ้องจำเลยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนคดีแพ่ง การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และผู้ที่เสียชีวิต ศาลได้พิพากษาให้บริษัท รอยัลพลาซ่าโฮเตล จำกัด ชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่เสียชีวิตทั้งหมด โดยได้ชดใช้เงินให้กับผู้เสียชีวิตรวม 5 ล้านบาท และเงินที่รับบริจาคอีก 5 แสนบาท เฉลี่ยแล้วผู้เสียชีวิต ญาติได้รับเงินรายละ 80,000 บาท และผู้พิการได้รับรายละ 50,000 บาท ทุกๆ วันที่ 13 สิงหาคมของทุกปี ครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิต จึงรวมตัวกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เคราะห์ร้ายให้ไปสู่สุคติ

และในวันนี้ (13 สิงหาคม 2566) ครบรอบ 30 ปีเหตุการณ์โรงแรมรอยัลพลาซ่าถล่ม โดยสถานที่เกิดเหตุ ณ ปัจจุบัน เป็นกรรมสิทธิ์ของ “ศิลาปาร์ค” ซึ่งได้ปิดพื้นที่เอาไว้ ยังไม่มีการก่อสร้างหรือดำเนินกิจการใดๆโดยเจ้าของที่ดินได้ติดป้ายให้เช่าเอาไว้จนถึงปัจจุบัน ส่วนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครราชสีมา ได้จัดพิธีเชิดชูเกียรติครูและนักเรียนดีเด่นโรงเรียนมัธยมศึกษาจังหวัดนครราชสีมา ขึ้นที่โรงเรียนสุรนารีวิทยา อำเภอเมืองนครราชสีมา พร้อมกับรำลึกไว้อาลัยต่อคณะครู-บุคลากรที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตึกโรงเเรมรอยัลพลาซ่า ถล่มเมื่อ 30 ปี ที่ผ่านมาด้วย

ในขณะที่ผู้สื่อข่าวก็ได้เดินทางไปพบกับ นางนาตยา แหวนโคกสูง (นามสกุลเดิมคือฉิมดี) หนึ่งในผู้รอดชีวิตที่ถูกช่วยเหลือออกมาเป็นคนสุดท้ายจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ซึ่งวันนี้ยังคงเหลือร่องรอยบาดแผลที่ได้รับคือขาทั้ง 2 ข้างโดนตัดออกหมด เนื่องจากโดนคานปูนทับขาทั้ง 2 ข้างแหลกละเอียดจึงต้องตัดขาออกไป โดยนางนาตยา ซึ่งปัจจุบันนี้มีอายุ 59 ปี ได้เล่าเหตุการณ์วินาทีวันเกิดเหตุให้ฟังว่า ตนกำลังทำความสะอาดห้องพักไปได้ 4 ห้อง ระหว่างกำลังทำความสะอาดห้องที่ 4 ได้ยินเสียงมาจากชั้นบนก่อน อีกไม่กี่นาทีต่อมา พื้นที่บริเวณที่ตนยืนอยู่ก็พังลงไปด้านล่าง หลังจากนั้น ตนก็มองไม่เห็นอะไรอีกเลย เพราะมีแต่ความมืด ได้ยินแต่เสียงคนร้องขอความช่วยเหลือ ในเวลานั้นตนเข้าใจเพียงว่า มันถล่มลงเฉพาะพื้นที่ที่ตนอยู่เพียงเท่านั้น และในช่วงเวลานั้น ตนก็รู้สึกเจ็บและชาที่ขาแต่ไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ รู้สึกกลัวมากเพราะมองอะไรไม่เห็น ได้ยินแต่เสียงของคนร้องขอความช่วยเหลือรอบตัวเต็มไปหมด

Advertisement

หลังจากเวลาผ่านไป ไม่รู้วันเวลาแน่ชัด ตนยังรู้สึกตัวและมีสติตลอดเวลา อาจมีหลับไปบ้างจากอาการอ่อนเพลียคิดในใจเห็นแต่หน้าลูกทั้ง 2 คนที่ยังเล็กอยู่ จึงทำให้มีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ขุดลงมาเจอและเข้าช่วยเหลือตนที่นอนเจ็บอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุด มารู้ในภายหลังว่า ตนถูกช่วยเหลือออกมาเป็นคนสุดท้าย ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานกว่า 6 เดือน เพราะแผลที่ได้รับมาค่อนข้างสาหัส จนทำให้เสียขาทั้ง 2 ข้างไป

จากเหตุการณ์ในวันนั้น ก็ผ่านมานานกว่า 30 ปีแล้ว ตนก็ยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่สามารถลืมได้ เนื่องจากเกิดเหตุในวันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม 2536 หลังจากวันแม่ 12 สิงหาคมเพียง 1 วัน จึงจดจำได้ง่าย ในช่วงหลังจากเกิดเหตุไม่กี่ปี ตนก็ยังคงรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่ครบรอบเหตุการณ์นี้ เพราะทำให้ตนต้องเสียขาทั้ง 2 ข้างไป รู้สึกคิดมากและเป็นกังวลในการดำเนินชีวิต แต่ปัจจุบันนี้ผ่านมานานกว่า 30 ปีแล้ว แม้จะจำเหตุการณ์ทุกนาทีได้แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะมีคนในครอบครัวทั้งสามี ลูกชาย ลูกสาว และหลาน อีก 3 คน ที่ให้ความอบอุ่นและคอยให้กำลังใจเรื่อยมา จึงทำให้มีความสุขและมีกำลังใจต่อสู้ดำเนินชีวิตในทุกวันนี้

เครดิตภาพ : ฉัตรชัย ศรีวิศร และเพจเฟซบุ๊ก โคราชเมืองศิวิไลซ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image