แม่เด็กปลื้ม ตร.ตามลูกกลับสู่อ้อมกอด เตรียมเปลี่ยนชื่อเป็น ‘บุญรอด’
ความคืบหน้ากรณี นายนันทจักษ์ ศิลป์ประเสริฐ อายุ 43 ปี ชาวตำบลบางหลวง อ.บางเลน จ.นครปฐม แอบย่องเข้าไปในห้องพักฟื้นผู้ป่วยคลอดบุตร โรงพยาบาลบางเลน แล้วอุ้มทารก ซึ่งเป็นบุตรของ น.ส.ยุพารัตน์ เทศนาม ไปจากเตียง ใส่ถุงดำหิ้วออกไปจากโรงพยาบาลบางเลน กลับไปบ้านที่ ต.บางหลวง อ.บางเลน นครปฐม แล้วตำรวจสามารถบุกเข้าช่วยเหลือทารกน้อยดังกล่าวมาคืนได้อย่างปลอดภัย เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ น.ส.ยุพารัตน์ แม่ของ น้องเดช ทารกวัย 2 วัน ที่ถูกอุ้มไปจากอ้อมกอดว่า วันนี้จิตใจตนเริ่มปกติดีแล้ว หลังจากลูกถูกอุ้มหายไปจิตใจแย่มาก เกรงว่าลูกจะเป็นตายร้ายดียังไง และ ยิ่งรู้ว่าคนร้ายบ้านอยู่ตรงข้ามบ้านน้องต่อ ยิ่งทำให้ใจหายหนักเพราะเกรงว่าคนร้ายจะทำกับลูกเหมือนกับน้องต่อ และกระทั่งมีตำรวจนำลูกชายมาส่งคืนที่โรงพยาบาลบางเลน ซึ่งขณะนั้นตนก็นั่งรออยู่กับพยาบาลที่หน้าโรงพยาบาล เมื่อเห็นลูกยังช็อกอยู่เลย ตัวเย็นชาไปหมด กระทั่งตั้งสติได้น้ำตาคลอเบ้าแล้ว
“ขอบคุณตำรวจ และสื่อมวลชน และสื่อโซเชียล ที่ช่วยกันตามหาลูกให้ ซึ่งตนกำลังหารือสามีว่าจะขอเปลี่ยนชื่อลูกขายจาก ”ธนเดช” เป็น ”บุญรอด” เพราะน้องรอดกลับมาเหมือนปาฏิหาริย์ ใครๆ ก็บอกให้ชื่อ “บุญรอด” หนูก็ว่าดีเหมือนกัน” แม่น้องธนเดชกล่าว
น.ส.ยุพารัตน์กล่าวว่า อยากให้เคสของหนูเป็นตัวอย่างของระบบความปลอดภัยในโรงพยาบาลมากกว่านี้ เพราะเพียงแค่ไม่ถึง 20 นาที ที่เผลอกลับไปคนร้าย ซึ่งเป็นผู้ชายแอบเข้ามาอุ้มเด็กทารกไปจากเตียง ซึ่งห้องพักฟื้นคลอดบุตรนั่นต้องอยู่ในระดับความปลอดภัยสูง ไม่ใช่ใครๆ ก็เข้าได้และรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ซึ่งตนก็ได้เดินไปหาพยาบาลเวร ว่าลูกหาย พยาบาลยังบอกว่าใครจะมาเอา และถึงเวลานี้ยังไม่ได้รับการขอโทษ หรือความรับผิดชอบจากทางโรงพยาบาลบางเลนถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ส่วนลูกชายขณะนี้อยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลนครปฐม ซึ่งทางโรงพยาบาลนครปฐมให้ตนมาพบลูกชายได้ในวัน อังคารที่ 15 สิงหาคม เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เคสนี้ปิดจ๊อบเร็วได้จากการทำงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเลน สืบสวนจังหวัดนครปฐม เดินเท้าไล่ดูกล้องวงจรปิดทุกตัวตามเส้นทาง อย่างรวดเร็ว ประกอบกับการให้ข้อมูลของมารดาเด็ก ซึ่งต่างกับเคสน้องต่อ ที่มารดาไม่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล และหรือให้ข้อมูลผิดไปจากความจริง และเวลาที่นานกว่าทำให้การทำงานของสองเคสนี้ต่างกัน
แหล่งข่าวฝ่ายสืบสวนกล่าวว่า จากการพูดคุยกั บนายนันทจักษ์ (ผู้ก่อเหตุ) ทั้งคืนพบข้อพิรุธ และความน่าจะเป็นว่านายนันทจักษ์ อาจจะป่วย และที่ลงมือทำเพราะจิตใจคิดว่าเป็นตุ๊กตา ดูจากกล้อง และวิเคราะห์กับคำพูด
นายนันทจักษ์ หยิบเด็กมาจากเตียงแล้วยัดใส่กระเป๋าพลาสติกสีดำ หิ้วเดินออกมา และแกว่งไปมาเหมือนหิ้วของธรรมดา แล้วเอากระเป๋าที่ใส่เด็กทารกแขวนไว้ที่แฮนด์รถจักรยานยนต์ขี่ออกไปจากโรงพยาบาลบางเลนถึงบ้าน 30 กว่ากิโลเมตร เกิดการกระแทก ทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บ มากกว่าการทำร้ายร่างกาย และไม่น่าจะเป็นคนร้ายก่อเหตุกับน้องต่อ ลูกของนิ่ม บ้านตรงข้ามแน่นอน แต่ก็ยังไม่ได้ตัดประเด็นนี้ทิ้ง ต้องให้นักจิตวิทยามาสอบถามพูดคุยทางเทคนิค เพื่อประมวลสาเหตุแห่งคดีต่อไป
