ผู้ว่าฯสั่งเบรก! สพป.กาฬสินธุ์ขายไม้พะยูงในโรงเรียนให้เอกชน 22 ต้น 1.5 แสน ถูกกว่ายูคา?

คดีลักไม้พะยูงยังไม่จบ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร่วมธนารักษ์ และป่าไม้ อนุญาตให้นายหน้าค้าไม้พะยูง ตัดไม้ในโรงเรียนรวดเดียว 22 ต้น ในราคา 1 แสน ต่ำกว่าราคาซื้อขายไม้ยูคา ชาวบ้านร่ำไห้เสียดาย ด้านผู้ว่าฯกาฬสินธุ์เต้น ส่งนายอำเภอสอบสวน เรียกร้อง สตง., ป.ป.ช., ปปท.ตรวจสอบ ขอดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ว่าการอำเภอหนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ นายจารุวัตร ภูแก้ว นายอำเภอหนองกุงศรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.กชฐพงศ์ ศรียางค์ สวป.สภ.หนองกุงศรี และนายกเทศมนตรีตำบลคำก้าว ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณ โรงเรียนคำไฮวิทยา หลังได้รับแจ้ง มีการตัดไม้พะยูงเมื่อวันที่ 17 ส.ค.66 และถูกขนย้ายไปตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เบื้องต้นจากการตรวจดูเอกสารเป็นการจัดซื้อจัดขายไม้พะยูงกับเอกชนรายหนึ่ง กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) กาฬสินธุ์ เขต 2 ในราคา 153,000 บาท จากการขายไม้พะยูง 22 ต้น

นายจารุวัตรกล่าวว่า เพิ่งทราบจากชาวบ้านเมื่อวานนี้ (17 ส.ค.) จึงรายงาน นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ ก่อนที่จังหวัดโดย นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ สั่งการให้ตนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สภ.หนองกุงศรี ผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ และชาวบ้าน ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง จากนั้นลงพื้นที่สำรวจบริเวณที่มีการตัดไม้พะยูงในโรงเรียนคำไฮวิทยา

นายจารุวัตรกล่าวว่า จากการดูข้อมูลกับครูโรงเรียนคำไฮวิทยาทราบว่าการตัดไม้พะยูงดังกล่าวมีการตกลงให้นายทุนเข้ามาประมูลซื้อ โดยการรับรองของ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 ร่วมกับโรงเรียนคำไฮวิทยา และธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ซึ่งในเอกสารระบุประมูลซื้อขายไม้พะยูง 22 ต้น ในราคา 153,000 บาท ซึ่งตัดไปแล้ว 17 ต้น เหลือ 5 ต้น ทั้งนี้ ได้สั่งชะลอการตัดไว้ก่อน เนื่องจากมีชาวบ้านเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ ส่วนประเด็นที่มีการพูดกันมากเป็นส่วนความเหมาะสมและเหตุผลในการขออนุญาตตัด รวมทั้งการประเมินราคา จะมีการตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป

ADVERTISMENT

นายอภิวัฒน์ ราชาพัฒน์ ผู้ใหญ่บ้านคำไฮ หมู่ 11 กล่าวว่า ในรอบหลายปีที่ผ่านมาเคยมีเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนลักลอบเข้ามาตัดไม้พะยูงภายในโรงเรียน 4 ครั้ง 2 ครั้งแรกไม่ได้ไม้พะยูงไป ครั้งที่ 3 ได้ไม้พะยูงไป 1 ต้น และครั้งที่ 4 เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา คนร้ายไม่ได้ไม้พะยูงไป ทั้งนี้ ทุกครั้งหลังเกิดเหตุผู้นำชุมชนก็จะมาอยู่เป็นเวรยามเฝ้าไม้พะยูงภายในโรงเรียนกับครูเวร แต่คนร้ายฉวยโอกาสในคืนฝนตกเข้ามาก่อเหตุซ้ำอีก ถือเป็นภาระรับผิดชอบและความเดือดร้อนของผู้นำชุมชนที่ต้องหวาดระแวง หวั่นเกิดอันตราย จากการมาเข้าเวรเฝ้าไม้พะยูง เนื่องจากทราบว่าคนร้ายที่เข้ามาลักลอบตัดไม้พะยูงมาหลายคนและมีอาวุธ

อย่างไรก็ดี จากการขายไม้พะยูง 22 ต้น ราคา 153,000 บาท โดยมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้และธนารักษ์มาเป็นคนประเมินราคา คิดว่าเป็นราคาขายที่ต่ำ ไม่ค่อยจะเหมาะสมกับปริมาตรไม้นัก กับจำนวนไม้ 1 รถบรรทุก และรถกระบะต่อโครงสูงอีก 1 คัน

จากการเดินสำรวจดูทำเลไม่ถือว่าเป็นจุดเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายกับตัวอาคาร หรือครู นักเรียน หากมีการหักโค่นลงมาด้วยภัยธรรมชาติ เนื่องจากมีจัดเป็นโซนปลูกเป็นสวนต้นไม้เศรษฐกิจทางเข้าประตูโรงเรียน มีไม้พะยูง ไม้ประตู่ ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง หรือทรัพย์สินอื่นใดของราชการแต่อย่างใด

นอกจากนี้ จากการขายไม้พะยูง 22 ต้น ลำเลียงขึ้นรถบรรทุก 2 คันดังกล่าว บุคคลในวงการค้าไม้บอกว่า เป็นราคาที่ถูกจนน่าตกใจ เรียกว่าถูกกว่าไม้ยูคาก็ว่าได้ ถือเป็นการขายไม้พะยูงเที่ยวนี้แบบดัมพ์ราคาทีเดียว จึงอยากเรียกร้อง สตง., ป.ป.ช., ปปท.เข้าตรวจสอบเส้นทางการค้าไม้พะยูงของโรงเรียนคำไฮวิทยาว่าถูกต้อง เหมาะสม โปร่งใส รัฐได้ประโยชน์จริงหรือไม่

โดยเฉพาะอยากเรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บรรจุเป็นคดีพิเศษด้วย เพราะการอนุญาตขายไม้ในพื้นที่ของกรมธนารักษ์มีการเปิดประมูลขายหลายครั้งมาก จนชาวบ้าน ครูและเด็กนักเรียนที่ได้ยินเสียงเลื่อยยนต์ตัดไม้พะยูงอายุเกือบ 100 ปี น้ำตาซึม รู้สึกเจ็บปวดหัวใจและแสนเสียดาย เพราะไม่อยากให้มีการขายไม้พะยูงในโรงเรียนที่รุ่นพ่อแม่เคยปลูกไว้ให้ความร่มรื่นและเป็นสมบัติของแผ่นดิน