สสจ.เชียงใหม่ เฝ้าระวัง ‘ฝีดาษลิง’ หลังพบผู้เสียชีวิตรายแรกในไทย
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการที่กรมควบคุมโรครายงานสถานการณ์โรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง ที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และล่าสุดพบผู้ป่วยฝีดาษลิงเสียชีวิตรายแรกของไทย เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2566 ผู้เสียชีวิตเป็นเพศชาย อายุ 34 ปี มีประวัติเป็นไข้ ปวดศีรษะ คัน มีผื่นและตุ่มขึ้นบริเวณผิวหนังตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 โดยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี แพทย์สงสัยเป็นโรคฝีดาษวานร จึงส่งตัวอย่างตรวจยืนยันผลพบสารพันธุกรรมของไวรัสฝีดาษวานร ขณะเดียวกันยังตรวจพบการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) และเชื้อซิฟิลิส
สำหรับความคืบหน้าการเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานรในประเทศไทย ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขรายงาน พบมีการติดเชื้อใน 19 จังหวัด สถานการณ์น่าห่วง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ที่เจอผู้ป่วยสะสมถึงหลักร้อยคน โดยมีรายงานจากกรมควบคุมโรค ระบุตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ส.ค.2566 มีผู้ป่วยฝีดาษวานร 217 ราย เป็นชาวต่างชาติ 30 ราย คนไทย 187 ราย อายุเฉลี่ยตั้งแต่ 20-64 ปี ทั้งนี้ มีรายงานการติดเชื้อใน 19 จังหวัด แบ่งตามระดับสี ได้แก่ ระดับสีแดง 3 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ 136 ราย นนทบุรี 14 ราย ชลบุรี 9 ราย ระดับสีส้ม 3 จังหวัด คือ สมุทรปราการ 9 ราย ภูเก็ต 8 ราย ปทุมธานี 7 ราย ระดับสีเหลือง 13 จังหวัด คือ ระยอง 3 ราย สมุทรสาคร ลพบุรี มหาสารคาม ขอนแก่น พะเยา จังหวัดละ 2 ราย นครราชสีมา กาฬสินธุ์ ฉะเชิงเทรา สุพรรณบุรี นครนายก เชียงราย และพระนครศรีอยุธยา จังหวัดละ 1 ราย
สำหรับสถานการณ์ในจังหวัดเชียงใหม่ พบผู้ป่วยในจังหวัด 2 ราย เป็นผู้ป่วยภูมิลำเนาจังหวัดเชียงใหม่ 1 ราย มีความเสี่ยงจากการมีเพศสัมพันธ์กับชายแปลกหน้าที่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังมีการระบาดของโรคฝีดาษวานรด้วย ให้การรักษาและกักตัว จนปัจจุบันเกือบครบระยะกักตัวและระยะแพร่กระจายของโรคแล้ว ส่วนอีกรายเป็นนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัด มีความเสี่ยงกับชายแปลกหน้าที่ต่างจังหวัดแล้วเดินทางเข้ามาเที่ยวและเกิดอาการที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับการรักษาและส่งต่อไปรักษาต่อยังภูมิลำเนาของผู้ป่วยเรียบร้อยแล้ว โดยทางจังหวัดเชียงใหม่มีมาตรการในการเฝ้าระวังทีมควบคุมโรค สสจ.เชียงใหม่ ดำเนินการสอบสวนโรค ค้นหาไทม์ไลน์ของผู้ป่วย ค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงตรวจหาเชื้อ และเฝ้าระวังอาการหลังสัมผัสเชื้อทุกวัน 21 วัน ให้คำแนะนำและเฝ้าระวังในกลุ่มเสี่ยงต่ำ เช่น สถานที่ที่ผู้ป่วยเดินทางไปเที่ยวหรือใช้บริการ และติดตามการกักตัวอย่างเคร่งครัดของผู้ป่วยจนกระทั่งตุ่มหนองหายเป็นปกติ และสื่อสารความเสี่ยงให้กับประชาชนจังหวัดเชียงใหม่
ดร.ทรงยศกล่าวเพิ่มเติมว่า โรคฝีดาษวานรสามารถป้องกันได้ โดยงดเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ไม่สัมผัสแนบเนื้อกับผู้ที่มีผื่น ตุ่มหรือหนอง แนะนำให้ล้างมือบ่อยๆ และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น ผู้ที่มีความเสี่ยงสามารถตรวจสอบอาการเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง หากมีผื่น/ตุ่มขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก หรือตามร่างกาย และมีประวัติสัมผัสใกล้ชิด สัมผัสแนบชิด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้สงสัยโรคฝีดาษวานร หรือผู้ป่วยฝีดาษวานร ให้สังเกตตนเองภายหลังสัมผัสผู้ป่วยภายใน 21 วัน หากมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่น หรือตุ่มน้ำ หรือตุ่มหนองขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ หรือทวารหนัก หรือบริเวณรอบๆ ตามมือ เท้า หน้าอก ใบหน้า หรือบริเวณปาก ให้รีบเข้ารับการตรวจที่สถานบริการสุขภาพ หรือโรงพยาบาลทันที โดยแจ้งอาการและประวัติเสี่ยงประกอบการวินิจฉัย เกือบครึ่งของผู้ป่วยฝีดาษวานรรายใหม่เป็นผู้ติดเชื้อ HIV โดยปัจจุบันประเทศไทยได้รับมอบยาต้านไวรัสชื่อ Tecovirimat (หรือ TPOXX) จำนวนหนึ่งจากองค์การอนามัยโลกมาใช้รักษาผู้ป่วยฝีดาษวานรที่มีอาการมากที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน และจะต้องมีการวัดประสิทธิผลของยานี้ไปพร้อมกัน
หากประชาชนมีข้อสงสัย หรือต้องการคำแนะนำในการปฏิบัติตน สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 หรือกลุ่มงานควบคุมโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ โทร 0-5321-1048-50 ต่อ 110