แตกตื่นแต่เช้า ไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง ดับแล้วปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2566 เป็นระยะเวลากว่า 50 วันนั้น ล่าสุดบรรยากาศภายในพรุควนเคร็ง ซึ่งมีอาณาเขตหลายอำเภอใน จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง และ จ.สงขลา โดยเฉพาะที่ อ.ชะอวด ไฟยังคงคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากพื้นที่ใต้พรุน้ำลดจึงทำให้ไฟสามารถติดขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รายหนึ่งระบุว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ดับไฟหลายจังหวัดทยอยลงมาให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะชุด “เหยี่ยวไฟ” จากหลายจังหวัดลงมาเฝ้าระวังในพื้นที่พรุ เนื่องจากพื้นดินพรุมีซากพืชทับถม เมื่อน้ำแห้งจึงกลายเป็นเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการเกิดไฟไม่สามารถแก้ได้อย่างจริงจัง ไหม้ตรงบริเวณนี้ดับไปแล้วอาจปะทุขึ้นมาอีก จึงจำเป็นต้องมีหน่วยตระเวนเฝ้าระวังในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะนี้มีคณะเหยี่ยวไฟจากหลายจังหวัดลงมาช่วยผลัดเปลี่ยนให้กับหน่วยในพื้นที่แล้ว
“พวกเราได้แต่ภาวนาให้ฝนตกลงมามากๆ เพื่อให้มีน้ำในพรุเพิ่มมากขึ้น จะเป็นตัวที่ช่วยลดไปได้อย่างแน่นอน ไฟรอบนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เช้ามืด กว่าจะดับได้เกือบบ่าย แต่ก็ยังไม่วางใจว่าจะเกิดขึ้นในบริเวณใดอีก ไหม้กินพื้นที่ไม่กว้างก็จริง แต่ไหม้ตรงไหนถ้าดับไม่ทันก็เป็นวงกว้างเช่นกัน”
ขณะที่ นายสมพงษ์ มากมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 11 สุราษฎร์ธานี นาวาโท พีระ ศรีสา ผู้เชี่ยวชาญด้านนิรภัยการบิน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายนิสิต ตระการภาสกุล หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าพรุควนเคร็ง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องบูรณาการร่วมกันเพื่อควบคุมสถานการณ์ไฟป่าพรุควนเคร็ง และเตรียมความพร้อมอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่ในการรับมือไฟป่าในพื้นที่พรุควนเคร็ง และพื้นที่ป่าของมูลนิธิชัยพัฒนา ให้มีน้ำหล่อเลี้ยงระบบความชื้นตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เกิดไฟป่า โดยให้มีการสูบน้ำเข้าในพื้นที่ป่าพรุและพื้นที่ป่ามูลนิธิชัยพัฒนา ให้น้ำอยู่ในระดับที่เหมาะสม ที่สถานีควบคุมไฟป่าพรุควนเคร็ง ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช