เหยื่อเหตุกราดยิงโคราช แนะตั้งสติรับมือภาวะฉุกเฉิน จี้ภาครัฐถอดบทเรียนจริงจัง

ผู้รอดชีวิตเหตุกราดยิงโคราช แนะตั้งสติรับมือภาวะฉุกเฉิน จี้ภาครัฐถอดบทเรียนจริงจัง

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม นายพงษ์เลิศ สุภัทรวณิชย์ อดีตรองนายกเทศมนตรีนคร (ทน.) นครราชสีมา ในฐานะเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงโคราช เมื่อปี 2563 ว่าช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. หลัง ส.ท.จักรพันธ์ ถมมา คนร้ายก่อเหตุกราดยิงที่วัดป่าศรัทธารวม ต.หัวทะเล แล้วหนีจากการติดตามเข้ามาในศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ขณะนั้นตนได้ออกกำลังกายที่ฟิตเนสเฟิร์ส ตั้งอยู่ชั้นจีหรือชั้นใต้ดินของศูนย์การค้าดังกล่าว จึงไม่สามารถขึ้นไปด้านบนได้ แต่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ประชาชนอยู่บริเวณชั้นจีวิ่งหลบหนี

ระหว่างนั้นได้ติดตามข่าวคนร้ายได้โพสต์ภาพอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ชัดเจนคนร้ายอยู่บริเวณใด ซึ่งร้านค้าที่ตั้งอยู่ในละแวกนั้นได้ปิดประตูและให้ประชาชนเข้าไปหลบด้านในและนอนราบกับพื้นเป็นเวลานับชั่วโมง จนกระทั่งเวลาประมาณ 00.00 น. รวมเป็นเวลา 6 ชั่วโมง ตนจึงสามารถออกจากด้านในได้ แม้ไม่ได้รับบาดเจ็บหลังเกิดเหตุ แต่ก็ได้เข้าร่วมกลุ่มบำบัดสภาพจิตใจกับผู้ที่ร่วมชะตากรรม ทำให้รู้สึกเห็นอกเห็นใจและมีโอกาสพูดคุยผู้อยู่ร่วมเหตุการณ์ ซึ่งเป็นการฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตให้ดีขึ้น

บทเรียนหากเกิดเหตุร้าย การตั้งสติสำคัญที่สุด โดยหาที่หลบซ่อนและมองหาช่องทางออก ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องถอดบทเรียนอย่างจริงจัง มีมาตรการแจ้งสัญญาณเหตุฉุกเฉิน เหมือนประเทศญี่ปุ่น เมื่อเกิดภัยธรรมชาติ เขาจะทราบพร้อมกันทั้งเกาะทันที นอกจากนี้ ต้องลดความสับสน กรณีข้อมูลข่าวสารต่างคนต่างโพสต์หรือแชร์โดยไม่ทราบอันไหนจริงหรือเท็จ ทุกคนต่างวิ่งหนีและมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุ ภาครัฐต้องแนะนำข้อปฏิบัติทั้งเสียงตามสายภายในศูนย์การค้าและโซเชียล กรณีเคสที่โคราชและกรุงเทพมหานคร สาเหตุต่างกันมาก การตรวจค้นอาวุธก่อนเข้าสถานที่สาธารณะอย่างเข้มงวด ถือเป็นด่านแรกที่สามารถสกัดกั้นเหตุได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image