หนุ่มบึงกาฬเล่านาทีหนีตายที่อิสราเอล ยิงถล่มกันข้างแคมป์ ไม่อยากเชื่อพาตัวเองไปอยู่ในนรก

บึงกาฬ-แรงงานอิสราเอลเล่านาทียิงกันข้างแคมป์ไม่อยากเชื่อพาตัวเองไปอยู่ในนรก

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 ตุลาคม นายสมศักดิ์ เพ็งธรรม แรงงานจังหวัดบึงกาฬ จัดหางานจังหวัด พร้อมส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงาน นำ นางทองมา คำปัญญา พร้อมครอบครัว เดินทางไปรับ นายสารัช คำปัญญา หรือ หลิว อายุ 25 ปี ลูกชาย ซึ่งเดินทางกลับจากประเทศอิสราเอล ที่สนามบินจังหวัดอุดรธานี

หลังพบหน้ากัน นายสารัชได้ก้มลงกราบเท้านางทองมา และสวมกอดกันท่ามกลางความดีใจที่ได้เห็นหน้าลูกชาย ก่อนผูกข้อต่อแขนรับขวัญกลับบ้าน และเดินทางกลับบ้านเกิดใน ต.ไคสี อ.เมือง จ.บึงกาฬ ทั้งนี้ เมื่อมาถึงบ้านก็มีญาติพี่น้องเดินทางมารับขวัญหลานชาย ผูกข้อต่อแขนทั้งน้ำตาท่ามกลางความดีใจและถามไถ่เรื่องที่เกิดขึ้นในอิสราเอล

Advertisement

จากนั้นนายสารัชเปิดคลิปที่ตัวเองถ่ายไว้ตอนทหารไล่ยิงกับกลุ่มฮามาส และขณะอยู่ในที่หลบภัยภายในแคมป์ ซึ่งได้ยินเสียงระเบิดเป็นระยะๆ ตลอดจนภาพนาทีทหารอิสราเอลไล่ยิงกลุ่มฮามาสกว่า 4 นาที พร้อมเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์สู้รบตนกับเพื่อนนอนอยู่ในแคมป์คนงานที่ติดกับค่ายทหาร มีเพียงรั้วเหล็กกั้นเขตแดนไว้ ช่วงนั้นเป็นวันหยุด ประมาณ 6-7 โมงเช้ามีเสียงระเบิดมาก่อน ต่างพากันลุกออกมาดูปรากฏว่ากลุ่มฮามาสบุกมาแล้ว ยิงกับทหารอยู่ในค่ายข้างแคมป์

นายสารัชกล่าวว่า ตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไง พากันวิ่งหาที่หลบ คิดว่าจะเหมือนยิงกันเหมือนทุกรอบ มีระเบิด แต่ก็ไม่ใช่ เพราะมีคนบุกเข้ามาอย่างน้อย 200-300 คนล้อมค่ายทหารไว้ กว่ากำลังเสริมของทหารจะเข้ามาได้ก็เกือบค่ำ พวกตนเข้าไปหลบอยู่ในท่อโดยที่ไม่รู้ชะตากรรมเหมือนกัน พอเสียงเงียบก็พากันออกมาหากินกล้วย กินมะม่วงประทังชีวิตไปก่อน ผ่านไป 2 วันโดยที่ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีแบตเตอรี่ จึงไปขอชาร์จแบตกับทหารเกือบโดนทหารยิง เพราะทหารคิดว่าเป็นพวกอาหรับ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเรายังอยู่ในแคมป์

Advertisement

นายสารัชกล่าวต่อว่า ทหารก็ถามว่าทำไมถึงมีชีวิตอยู่ได้ ไม่เห็นหรือว่าเขายิงกัน ทหารจึงพาขึ้นรถหุ้มเกราะ พาออกมาข้างนอก พอนั่งรถออกมาก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองอยู่ในนรก ระยะประมาณ 20 กิโลเมตร ไม่มีแม้คนสักคน มีแต่ศพอยู่เกลื่อนถนน 2 ข้างทาง

“โอ้โห้ คิดในใจว่าอยู่มาได้ยังไงวะ ช่วงที่ไปอยู่ศูนย์ก็ไม่น่าไว้ใจเพราะเป็นหมู่บ้านอาหรับ มีแต่อาหรับทั้งหมด ให้ที่พักกับเราประมาณ 200 คน ไม่มีทหารเฝ้า อยู่กันแบบระแวงเสี่ยงๆ ประมาณ 4 วัน กว่าทางการไทยจะไปรับออกมากลับไทย” นายสารัชระบุ

เมื่อถามว่า หลังสงครามสงบจะกลับไปทำงานอีกหรือไม่ นายสารัชระบุว่า คงไม่ไปแล้ว ครอบครัวคงไม่ให้ไป นายจ้างก็อยากให้กลับไปทำงานเหมือนเดิม แต่เราเจออะไรที่มันเลวร้ายเกินไป บางคนอาจบอกว่าไม่เป็นไรหรอก แต่คนที่อยู่ตรงนั้นมันทำใจไม่ได้ ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน คงไม่กลับไปแล้ว

ด้านนายสมศักดิ์กล่าวว่า จ.บึงกาฬ มีแรงงานเดินทางกลับมาจากอิสราเอลวันที่ 16 ต.ค. 2 ราย และวันที่ 17 ต.ค.อีก 2 ราย โดยหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานได้ประสานกับครอบครัวของแรงงานทั้ง 4 คน และอำนวยความสะดวก จัดรถไปรับส่ง หากครอบครัวแรงงานต้องการความช่วยเหลือ

นายสมศักดิ์กล่าวว่า สำหรับครอบครัวของนายสารัช หน่วยงานได้จัดรถพาครอบครัวไปรับถึงสนามบินและพากลับมาบ้านอย่างปลอดภัย พร้อมเข้าไปชี้แจงให้แรงงานทราบถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากกระทรวงแรงงาน เนื่องจากนายสารัชไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากนี้จะประสานทีมสุขภาพจิต โรงพยาบาลบึงกาฬ ออกมาให้คำแนะนำด้านสุขภาพจิต เยียวยาจิตใจ จากเหตุความรุนแรงกับครอบครัวแรงงานไทยด้วย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image