แม่เฒ่าอุดรฯวอนช่วยเหลือ หลานสร้างกำแพงปิดทางเข้าออกบ้านนาน 5 ปี
จากกรณี 2 แม่ลูกชาว อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เพื่อขอความช่วยเหลือไกล่เกลี่ยถูกญาติก่อกำแพงบ้านปิดกั้นจนไม่มีทางออกที่ดิน ต้องอาศัยทางเดินแคบ เดินเข้า-ออกมานานกว่า 5 ปี จนกระทั่งมีการร้องเรียนสื่อมวลชนเพิ่มเติม
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่19 ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่พบ นางกุล อายุ 85 ปี และ น.ส.พรชนก อายุ 58 ปี สองแม่ลูกเจ้าของบ้านและผู้ร้องเรียน โดยบ้านหลังดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ 2 งาน พบว่าด้านหน้าของที่ดินดังกล่าวเป็นของญาติ ทำให้ที่ดินของ น.ส.พรชนกเป็นที่ดินตาบอด

ก่อนพาไปชี้จุดทางเข้า-ออก ที่ต้องทนลำบากในการเข้า-ออกบ้าน เป็นช่องทางแคบๆ ก่อนจะพาไปดูกำแพงสูง 2.50 เมตรทีอยู่ข้างบ้านเป็นทางยาว 7 เมตร ระบุว่า หลังจากมีปัญหากับญาติเจ้าของที่ดิน อีกฝ่ายได้สร้างกำแพงกั้นขึ้นมาทันที และไม่สามารถเจรจาไกล่เกลี่ยตกลงกันได้
2 แม่ลูกร่วมกันเปิดเผยว่า ได้ร้องศูนย์ดำรงธรรมเพื่อขอความช่วยเหลือเพราะบ้านอยู่ในที่ดินตาบอด ญาติที่เป็นเจ้าของที่ติดกันได้ก่อกำแพงกั้น ทำให้ไม่มีทางเข้า-ออก ต้องอาศัยทางแคบๆ เท่านั้น และ น.ส.พรชนกได้ร้องเรียนกับเพจโหนกระแส แจ้งว่าตัวเองและแม่อยู่ในที่ดินตาบอด แต่เดิมรอบตัวบ้านก็เป็นที่ดินของญาติ ไม่เคยมีปัญหาใดๆ แต่ปรากฏว่าเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา หลานสาวกับหลานชายของนางกุลที่เป็นลูกของพี่สาวนางกุลมีปัญหากัน ต่อมาได้มีการปิดกั้นที่ดินเอาไว้ ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นทางเดินจากบ้านตนไปสู่ถนน ทำให้บ้านไม่สามารถใช้ทางเดินออกไปสู่ถนนได้อีก
นางกุลระบุว่า ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา พวกเราต้องใช้ทางเดินเล็กๆ ซึ่งติดกับบ้านหลานเขยในการเดินออกไปสู่ถนน โดยพวกเราจะออกจากบ้านเวลาตี 1 ก็ต้องใช้ทางเดินเล็กๆ แคบๆ เพื่อไปขายของที่ตลาด ส่วนนางกุล ผู้เป็นแม่ที่อายุ 85 ปี เวลาจะต้องออกไปหาหมอก็จะต้องออกไปพร้อมตน ซึ่งคนแก่ต้องเดินผ่านทางเดินเล็กๆ อยากให้ศูนย์ดำรงธรรมบ้านผือ จ.อุดรธานี มาช่วยไกล่เกลี่ย เพื่อขอให้ตนและแม่มีทางเดินออกจากบ้านไปสู่ถนนด้านนอกได้บ้าง