(18 ก.พ.59) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการจัดการพื้นที่แม่น้ำควร บริเวณหน้าฝายวังจัน บ้านนาอ้อม หมู่ 5 ต.ขุนควร อ.ปง จ.พะเยา ซึ่งมีการตรวจพบแก๊สมีเทนอยู่ใต้น้ำที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ในระดับพื้นที่โดยนายอำเภอปง องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ขุนควร และผู้ใหญ่บ้านนาอ้อม ได้ทำการกั้นแนวเขตและปิดป้ายประกาศเป็นพื้นที่อันตรายห้ามเข้า เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มประชาชนที่อยากรู้ไปทดลองต้นหาแก๊สมีเทน เกรงจะมีอันตรายได้
นายนาค บุญเทพ นายกอบต.ขุนควร อ.ปง จ.พะเยา กล่าวว่า เนื่องจากชาวบ้านแจ้งว่ามีการพบมาแล้วหลายปีและครั้งนี้มีมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่เมื่อทางนักธรณีวิทยาชี้แจงแล้วว่าปริมาณแก๊สมีเทนที่พบมีไม่มากพอที่จะนำไปใช้ประโยชน์ได้ จึงไม่สามารถนำขึ้นมาใช้ได้ ต้องปล่อยให้อยู่ใต้น้ำควรต่อไป แต่ขณะนี้สิ่งที่ท้องถิ่นและท้องที่ดำเนินการคือ ติดทำป้ายเตือนขนาดใหญ่แบบถาวรให้เห็นชัดเจนพร้อมทำแนวกั้น และขอความร่วมมือประชาชนที่ทำการเกษตรอยู่ใกล้ลำน้ำ ช่วยสอดส่องดูแลเตือนภัยอีกทางหนึ่ง ป้องกันไม่ให้ผู้ที่ต้องการทดลองค้นหาแก๊สและจุดไฟพิสูจน์ กลัวจะเป็นอันตรายได้
“ส่วนระยะยาวทางอบต. จะทำประชาคมนำมติของประชาชนในพื้นที่เพื่อเสนอขอไปยังจังหวัดพะเยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนการขุดลอกนำตะกอนดินกลางน้ำควรออก เพื่อไม่ให้มีซากทับถมเกิดแก๊สมีเทนและเพิ่มพื้นที่เก็บกักน้ำ ทั้งนี้ทุกปีทาง อบต.ใช้สถานที่แห่งน้ำจัดกิจกรรมแข่งเรือและกิจกรรมพื้นที่ช่วงสงกรานต์ ควรเร่งขุดลอกก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์ปี 2559 นี้” นายนาค กล่าว
ด้านนายจรัล กาญจนปัญญานนท์ นายอำเภอปง กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้ทางผู้นำในพื้นที่ขึ้นป้ายเตือนภัยบริเวณดังกล่าวแล้ว เนื่องจากเป็นจุดเสี่ยงหากมีผู้ที่ต้องการเข้าไปทดสอบอาจจะเกิดอันตรายทางน้ำ หรือเกิดอันตรายในการจุดแก๊สได้ ส่วนเรื่องการขุดลอกหน้าฝายเห็นด้วยเพราะมีความจำเป็นต้องทำ และคงใช้งบประมาณไม่มาก เมื่อท้องถิ่นพร้อมสามารถส่งเรื่องผ่านมาทางอำเภอได้ทุกเมื่อ เนื่องจากบริเวณน้ำควรหน้าฝายวังจัน ทุกปีทางท้องถิ่น อบต.ขุนควร ใช้จัดทำกิจกรรมสันทนาการเฉพาะพื้นที่ คือ การจัดกิจกรรมช่วงสงกรานต์ของท้องถิ่น แต่หากจะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวต้องพิจารณาในภาพรวมอีกครั้งถึงศักยภาพในอนาคต
ขณะที่นายเจตนิภัท สีตะวัน ผู้ใหญ่บ้านนาอ้อม หมู่ 5 ต.ขุนควร กล่าวว่า ทุกเช้าตนจะประกาศผ่านเสียงตามสายทั่วหมู่บ้าน เตือนไม่ให้ประชาชนเข้าไปในบริเวณพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว พร้อมการทำแนวกั้นพื้นที่และขึ้นป้ายเตือนเป็นจุดอันตรายห้ามเข้าเรียบร้อยแล้ว