ตื่นตา! ปล่อยไข่พญานาคกลางน้ำโขง ถวายพุทธบูชา สร้างสีสันงานไหลเรือไฟ

ตื่นตา! ปล่อยไข่พญานาคกลางน้ำโขง ถวายพุทธบูชา สร้างสีสันงานไหลเรือไฟ ลุ้นคืนออกพรรษาเตรียมปล่อยกระทงสายหมื่นดวง

นครพนม ตื่นตาปล่อยกระทงสาย ไข่พญานาคกลางน้ำโขง วันละเกือบ 5,000 ดวง สืบสานประเพณีโบราณ ถวายเป็นพุทธบูชา บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตามประเพณีความเชื่อโบราณ นำภูมิปัญญาชาวบ้าน กะลามะพร้าวบรรจุเชื้อเพลิงจากขี้เลื่อยผมน้ำมันดีเซล จุดไฟเป็นกระทงสาย สร้างสีสันโชว์ประชาชน นักท่องเที่ยว งานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ ชื่นชมกำลังพล กองร้อย อส. เบื้องหลังความสวยงาม ดึงดูดนักท่องเที่ยว ลุ้นชมคืนวันออกพรรษา เตรียมปล่อยกระทงสายนับหมื่นดวง

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม บรรยากาศการท่องเที่ยวงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ ประจำปี 2566 ยิ่งใกล้คืนประกวดเรือไฟ วันออกพรรษา 15 ค่ำ เดือน 11 คือ คืนวันที่ 29 ตุลาคม 2566 ยิ่งคึกคัก โดยในปีนี้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-30 ตุลาคม 2566 โดยมีการไหลเรือไฟโชว์ คืนละ 1 ลำ เป็นการประชาสัมพันธ์ กระตุ้นเชิญชวนประชาชนนักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมงานประกวดไหลเรือไฟ ในคืนวันออกพรรษา คืนไฮไลต์มีเรือไฟจากทั้ง 12 อำเภอ ส่งเข้าประกวดมากถึง 12 ลำ โดยปีนี้ จ.นครพนม ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง จัดยิ่งใหญ่ รองรับประชาชน นักท่องเที่ยว เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่

Advertisement

ขณะเดียวกัน อีกบรรยากาศสีสันความสวยงามที่พลาดไม่ได้ และสร้างความตื่นตาให้กับประชาชน นักท่องเที่ยวทุกปี คือ การปล่อยไข่พญานาค หรือกระทงสาย เช่นเดียวกันปีนี้กำลังเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครรักษาดินแดน อส.ที่ 1 นครพนม ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมแรงร่วมใจกันจัดทำกระทงสาย หรือไข่พญานาค จากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่มีการรับบริจาคมาจากชาวบ้านอำเภอต่างๆ เพื่อมาคัดแยก ก่อนนำไปบรรจุเชื้อเพลิง ทำจากขี้เลื่อยผสมกับน้ำมันยางนา และน้ำมันดีเซล คล้ายตะเกียงไฟ และนำไปจุดไฟไหลไปตามน้ำโขง ที่ชาวบ้านเรียกว่าไข่พญานาค หรือกระทงสาย สร้างสีสันตระการตา โชว์ประชาชน นักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวชมงาน ทั้งนี้ได้มีการปล่อยกระทงสาย หรือไข่พญานาคทุกคืน วันละประมาณ 3,000-5,000 ดวง ส่วนคืนไฮไลต์วันออกพรรษา จะมีการปล่อยนับ 10,000 ดวง เพื่อสร้างความตื่นตาให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว ควบคู่กับการชมการประกวดไหลเรือไฟ จากตัวแทนชาวบ้าน จำนวน 12 ลำ โดยทางเจ้าหน้าที่กำลังพล อส. ถือเป็นเบื้องหลังความสวยงาม ที่ต้องเหน็ดเหนื่อย แต่ภาคภูมิใจ ที่ได้สร้างความประทับใจให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว และสืบสานประเพณีอันดีงามของ จ.นครพนม ที่มีมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image