วันที่ 13 มกราคม 2560 ขบวนรถลำเลียงเรือผลักดันน้ำจำนวน 20 ลำ เดินทางมาถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมกับของเดิมที่มีอยู่ จำนวน 70 ลำ (ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา) โดยอยู่ใน อ.ปากพนัง 20 ลำ อ.ชะอวด 30 ลำ ส่งไปเพิ่มเติมวันนี้อีก 20 ลำ รวมเป็น 83 ลำ ซึ่งได้แยกลงที่ จ.สุราษฎร์ธานีอีก 13 ลำ
ด้านนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผวจ.นครศรีธรรมราช ประธานประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับนายณรงค์พร ณ พัทลุง ปลัดจังหวัด นายอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุม กชภจ. นายอำเภอ เร่งรัด ติดตาม ตรวจสอบ ช่วยเหลือ เร่งรัด ฟื้นฟู ความเสียหายทั้งในช่วงวิกฤตและการฟื้นฟู รวมทั้งการป้องกันรักษาโรคที่มากับน้ำท่วม และดำเนินการเยียวยาทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิตใจ รวมทั้งสรุปสถานการณ์ การให้ความช่วยเหลือ การอำนวยการในพื้นที่ประสบอุทกภัย และได้มีการสั่งการให้จัดตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อสำรวจ ค้นหา (X-Ray) พื้นที่ที่อาจจะไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ขณะที่ นายกิตติพงษ์ รองเดช จ่าจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รายงานถึงพื้นที่ได้รับผลกระทบ ณ ปัจจุบัน รวม 23 อำเภอ 163 ตำบล 1,489 หมู่บ้าน 104 ชุมชน ราษฎรได้รับผลกระทบ จำนวน 795,304 คน 247,985 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 11 ราย ขณะนี้มีหน่วยงานสนับสนุนการปฏิบัติงานในพื้นที่ ประกอบด้วย อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กองทัพเรือ กองร้อย ตชด.424 สิชล กองทัพภาคที่ 4 ตำรวจภูธร องค์กรการกุศล รวมถึงมูลนิธิต่าง ๆ
ส่วนนายเทอดศักดิ์ ลักษณะหุต รองผู้อำนวยการและประสานงานพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริกล่าวว่า ขณะนี้มีปริมาณน้ำท่วมขังทั้งหมดประมาณ 600 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถระบายน้ำลงสู่ทะเลได้วันละ 125.5 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งขณะนี้กองทัพเรือได้นำเรือผลักดันน้ำ จำนวน 70 ลำ เร่งดันน้ำที่ประตูระบายน้ำชะอวด-ปากแพรก และประตูระบายน้ำฉุกเฉิน อ.ปากพนัง ซึ่งคาดว่าใช้เวลา 15 วัน ทุกพื้นที่จะกลับสู่ภาวะปกติ
