ส.ส.เป้า นายกสมาคมอ้อยชลบุรี ชี้ชาวไร่อ้อยรับได้ราคาน้ำตาลทรายเพิ่ม 2 บาท ดีกว่าไม่เขยิบ ชี้พื้นที่ชลบุรีอนาคตไม่มีคนปลูกอ้อย จะกลายเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง หรือ ส.ส.เป้า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 ชลบุรี และนายกสมาคมกลุ่มอาชีพการเกษตรชลบุรีเปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการตกลง 3 ฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐ ฝ่ายโรงหีบอ้อย และฝ่ายเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยได้มีการเจรจาจะขึ้นราคาน้ำตาลทรายที่กิโลกรัมละ 2 บาท เป็นเรื่องที่ดี หากตกลงกันได้ ถือว่ามาคนละครึ่งทางจากเดิมจะขึ้นราคากิโลกรัมละ 4 บาท เนื่องจากราคาอ้อยเป็นสินค้าควบคุมมานาน และไม่เคยมีการปรับราคามานานแล้ว ประกอบกับปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืช และแรงงานมีราคาสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยอยู่ไม่ได้
นายจิรวุฒิกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์อ้อยในฤดูการผลิต 2566/2567 พบว่าประสบปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตเสียหายไปประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ได้ผลผลิตไม่ดีเท่าที่ควร และหวังว่าราคาอ้อยเบื้องต้นน่าจะอยู่ที่ 1,420 บาท ถ้าคิดคำนวณจากการขึ้นราคาน้ำตาลทรายกิโลกรัมละ 2 บาท ซึ่งจะทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยพออยู่ได้
“ส่วนผมปลูกอ้อยมานาน 52 ปี สำหรับผลผลิตในปีนี้จากเดิมเคยได้ 6-7 หมื่นตัน คาดว่าผลผลิตในปีนี้จะเหลือประมาณ 2 หมื่นตัน เพราะธรรมชาติกลั่นแกล้ง ทำให้เกิดฝนแล้ง สำหรับปีหน้าคิดว่าจะเลิกปลูกอ้อยแล้ว เพราะมองดูแล้วไม่ยั่งยืน ถูกคุมกำเนิดมาโดยตลอด ทำให้ชาวไร่อ้อยไม่สามารถอยู่ได้” นายจิรวุฒิกล่าว และว่า สำหรับพื้นที่ จ.ชลบุรี คาดว่าในอนาคตจะไม่มีการปลูกอ้อย เนื่องจากที่ดินมีราคาแพง ค่าเช่าสูง รวมทั้งยังมีปัญหาในเรื่องแรงงานคนตัดอ้อย จะเผาอ้อยส่งโรงหีบก็ไม่ได้ เพราะทำให้เกิด PM2.5 ที่สำคัญขณะนี้โรงงานอุตสาหกรรมเริ่มผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด จะส่งผลให้ชาวไร่อ้อยต้องขายที่ดิน เพราะปลูกอ้อยไม่ได้ราคา
นายจิรวุฒิกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังพบว่าราคาอ้อยยังมีการผันผวนอีก หากปริมาณอ้อยมีจำนวนมากราคาจะตก ในทางกลับกันหายอ้อยมีจำนวนน้อย ราคาจะสูง กลไกของตลาดทำให้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยอยู่ยาก คาดการณ์ลำบาก บางปีผลผลิตออกมาแล้วขายได้ราคาทุนหรือขาดทุนก็มี รวมทั้งลูกหลานของเกษตรกรชาวไร่อ้อยก็ไม่สนใจการปลูกอ้อย เพราะเป็นงานหนัก อนาคตการปลูกอ้อยในพื้นที่จะหมดไป
