พระหน้าตั้ง จ้วงพายเรือกลับวัด พอถึงฝั่งจมพอดี เหตุบรรทุกน้ำหนักเกิน

พระหน้าตั้ง จ้วงพายเรือกลับวัด ถึงฝั่งเรือจม เหตุบรรทุกหนัก หลังเร่เก็บกระทงเต็มลำ

พระสงฆ์พายเรือบิณฑบาตรออกเก็บกระทง เพื่อนำมามอบโยมทำปุ๋ยเลี้ยงไก่ลดต้นทุนค่าอาหารในภาวะต้นทุนค่าอาหารแพง และยังช่วยกันอนุรักษ์แม่น้ำลำคลองให้กลับมาใสสะอาดปราศจากขยะ ขณะที่กำลังเก็บกระทงจู่ๆก็พายกลับวัดหน้าตั้งเหตุบรรทุกเกินจนเรือจม หลังจากที่เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา หลายพื้นที่ได้จัดงานลอยกระทง ทำให้มีประชาชนเดินทางมาท่องเที่ยวและร่วมลอยกระทงลงสู่แม่น้ำแม่กลองกันเป็นจำนวนมาก

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน พระเมธีวัชรประชาทร (ท่านเจ้าคุณ ดร.หลวงพ่อแดง นันทิโย) เจ้าอาวาสวัดอินทาราม ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 15 รองประธานสมัชชาพระสงฆ์ผู้นำขับเคลื่อนหมู่บ้านศีล 5 หนกลาง, อนุกรรมการ ขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมการพัฒนาประสิทธิภาพ การดำเนินงาน หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล ส่วนกลาง และกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ จังหวัดสมุทรสงคราม ได้นำคณะสงฆ์พายเรือที่ใช้ออกบิณบาตร ออกเก็บกระทง ร่วมกับผู้ใหญบ้านและชาวบ้านในพื้นที่ โดยเริ่มจากบริเวณหน้าวัดอินทาราม ต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ล่องไปในคลองแควอ้อม รวมระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร เพื่อนำไปคัดแยกส่วนต้นกล้วยก็นำไปบดให้ละเอียด มอบให้ชาวบ้านนำไปเป็นปุ๋ยหมัก และ เลี้ยงไก่ ลดต้นทุนค่าอาหารในภาวะต้นทุนค่าอาหารแพง และยังช่วยกันอนุรักษ์แม่น้ำลำคลองให้กลับมาใสสะอาดปราศจากขยะ

Advertisement

พระเมธีวัชรประชาทร กล่าวว่า ปีนี้กระทงกายกล้วยทั้งจังหวัดสมุทรสงครามไม่น่าจะน้อยกว่า 2 แสนกาบ ซึ่งจะลอยไปรวมกันในทะเลที่ปลายน้ำ วันนี้จึงเป็นการนำร่องช่วยกันเก็บขยะ เพราะแม้ขยะจะมากแค่ไหน หากเราช่วยกันเก็บทุกหมู่บ้านก็จะสู้กับขยะจำนวนมากได้ เนื่องจากประเพณีลอยกระทงเป็นวัฒนธรรมประเพณีมาตั้งแต่โบราณ และเป็นงานที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยปีละหลายพันล้านบาท ดังนั้นเมื่อลอยกระทงได้ก็ช่วยกันเก็บกระทงได้ จะทำให้แก้ปัญหาขยะลงทะเล ลดปัญหาโลกร้อนได้ ขณะที่จังหวัดสมุทรสงครามถือเป็นเมืองเวณิชตะวันตกของไทย ถ้าช่วยกันอนุรักษ์แม่น้ำลำคลองให้สะอาดนักท่องเที่ยวจะเข้ามาเยี่ยมชมจังหวัดสมุทรสงครามมากขึ้น ซึ่งหลังจากเก็บไปแล้วก็จะนำไปบดให้ละเอียด มอบให้โยมทำปุ๋ยหมัก เลี้ยงสัตว์ต่อไป ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว คือ ได้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางน้ำ, ได้ปุ๋ยและอาหารสัตว์, ได้ความสามัคคี รวมพลัง บวร (บ้าน วัด ราชการ) และยังเป็นช่วยอนุรักษ์ประเพณีวันลอยกระทง ให้เห็นว่าการลอยกระทงไม่ได้ทำลายสิ่งแวดล้อมทางน้ำถ้าเราช่วยกันด้วย อีกทั้งขยะกระทงก็สามารถนำมาเพิ่มมูลค่าได้ ลดต้นทุนการผลิต ทำเกิดประโยชน์หลายด้าน เป็นสาธารณประโยชน์ ต่อจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัยสู่ครัวโลก

อย่างไรก็ตามขณะที่พระสงฆ์กำลังพายเรือเก็บขยะ จู่ๆ พระวรพจน์ กิตติธรรมโม อายุ 60 ปี ก็จ้ำเรือกลับวัดอย่างรวดเร็วพอมาถึงฝั่งเรือก็จมลง ทำให้พระวรพจน์ จมลงไปในน้ำสภาพนั่งเรือสบงจีวรเปียกปอน เด็กวัดต้องรีบวิ่งเข้าไปช่วยกันกู้เรือขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พระวรพจน์ จะพายเรือไปเก็บขยะต่อ

Advertisement

พระวรพจน์ กล่าวว่า พายเรือบิณฑบาตรเป็นประจำทุกวัน จึงคล่องตัวที่จะพายเรือเก็บกระทง อย่างไรก็ตามขณะที่กำลังเก็บขยะเห็นไม้ไผ่ ขนาดใหญ่ลอดอยู่จึงเก็บขึ้นมาพาดบนเรือเพื่อเก็บเข้าฝั่ง ประกอบกับในเรือมีกาบกล้วยจำนวนมากทำให้น้ำซึมเข้าขอบเรือที่ละน้อย จนน้ำเข้าเรือมากขึ้น อาตมาจึงรีบพายเรือเข้าฝั่ง โชคดีจมพอดีเมื่อมาถึงฝั่ง เพราะถ้าเรือจมกลางคลองก็คงต้องเหนื่อยว่ายน้ำเข้าฝั่งอีก เพราะตนว่ายน้ำเป็นอยู่แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image