ชาวเบตงเลี้ยงผึ้งชันโรง ผึ้งจิ๋ว แต่แจ๋ว เลี้ยงในสวนยางพารา สร้างรายได้ให้กับครอบครัว
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่บ้านธารไม้แก้ว ฟาร์มผึ้งชันโรง หรือ เจนลี่ฟาร์ม (JANELY FARM) หมู่ที่ 4 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่สวนยางพารา กว่า 60 ไร่ ของนางอภิญญา รัตนสุขใส เจ้าของเจนลี่ฟาร์ม และสามี ได้ปรับพื้นที่เล็กๆ 4-5 ไร่ ในการเลี้ยงผึ้งชันโรงพันธุ์อิตาม่า มีรังกว่า 70 รัง ในการเลี้ยงเพื่อขยายตลาด และสร้างอาชีพให้กับครอบครัว
นางอภิญญา เล่าว่า ‘ชันโรง’ หรือที่รู้จักกันคือ ‘ผึ้งจิ๋ว’ ถือเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมช่วยการผสมเกสรให้พืชติดผลผลิตมากขึ้น โดยชันโรงเป็นแมลงผสมเกสรตัวเล็กจิ๋ว จัดอยู่ในจำพวกผึ้งแต่ไม่มีเหล็กในเหมือนผึ้ง โดยน้ำหวานและเกสรของชันโรงมีราคาแพงกว่าน้ำผึ้งทั่วไป เพราะรังของชันโรงหายากและมีปริมาณน้ำหวานน้อย และมีความเชื่อกันว่าน้ำผึ้งชันโรงมีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีสารของฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความวัย ต้านเชื้อโรค สามารถยับยั้งการเติบโตของเชื้อราและจุลินทรีย์ได้ รวมไปถึงยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
คุณลักษณะทั่วไปของน้ำผึ้งชันโรง จะมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน มีสรรพคุณทางยาสูงกว่าน้ำผึ้งปกติถึง 2 เท่า ซึ่งเกิดจากกระบวนการหมักทางธรรมชาติ รสชาติจะแตกต่างไปตามชนิดสายพันธุ์และชนิดดอกไม้ที่เป็นแหล่งอาหาร น้ำผึ้งชันโรงจึงเป็นที่ต้องการของคนรักสุขภาพ
นางอภิญญา กล่าวอีกว่า ตนได้เริ่มทำฟาร์มผึ้งชันโรงในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา หลังจากสามีเกษียณอายุการทำงานจากประเทศจีน จึงได้กลับมา อ.เบตง บ้านเกิด และมีเพื่อนบ้านให้ลองชิมน้ำผึ้งชันโรงแล้วมีความชื่นชอบและสนใจที่จะเลี้ยงผึ้งชันโรง จึงเริ่มศึกษาตามช่องทางต่าง ๆ โดยเริ่มจากซื้อรังผึ้งชันโรงจากเกษตรกรที่เลี้ยงก่อนหน้านี้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 80 รัง โดยเฉพาะผึ้งชันโรงสายพันธุ์อิตาม่า เนื่องจากมีความขยันที่จะผลิตน้ำหวานและดูแลง่าย ไม่มีพฤติกรรมการทิ้งรัง ไม่เลือกตอมดอกไม้ที่ชอบ อีกทั้งไม่มีนิสัยดุร้ายไม่ต่อย
ผึ้งชันโรงมีรัศมีการบินหากินไม่เกิน 3,000 เมตร มีสัดส่วนในการเก็บเกสร ร้อยละ 80 และน้ำต้อย ร้อยละ 20 สามารถเลี้ยงแบบอยู่กับที่หรือเคลื่อนย้ายได้ ทนต่อสภาพการปิดรังได้นานนับ 10 วัน เพื่อการเคลื่อนย้ายรังไปหาอาหาร การเลี้ยงแต่ละรังมีอายุไม่ต่ำกว่า 10 ปี มีพฤติกรรมการเก็บยางไม้ น้ำผึ้งที่ได้จากชันโรงมีคุณสมบัติทางยาได้ จึงได้นำมาเลี้ยงบริเวณบ้านในสวนยางพารา พร้อมปลูกพืชต่างๆ ทั้งไม้ดอก ไม้ผล ให้ผึ้งชันโรงช่วยผสมเกสรพืชทางการเกษตร นอกจากนี้มีการปลูกไม้ดอกหลากสีที่ชันโรงชื่นชอบ เพื่อสะดวกต่อการบินหาอาหารในรัศมีไม่ไกลจากแหล่งที่อยู่อาศัยมากนัก
นางอภิญญา กล่าวว่า น้ำหวานชันโรงสามารถเก็บน้ำหวานไปขายได้ 4-5 ครั้ง ต่อปี ได้บริมาณรังละ 2 กิโลกรัมต่อปี ตอนนี้ได้เริ่มวางจำหน่ายบ้างแล้ว เป็นผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP กลุ่มเลี้ยงผึ้งชันโรงธารไม้แก้ว จำหน่ายที่ศูนย์ One Stop Service อาณาจักรของฝากเมืองเบตง ที่โรงเรียนอนุบาลเบตง (สุภาพอนุสรณ์) โดยจำหน่ายขวดละ 385 บาท หากปริมาณ 1 กิโลกรัม ขายกิโลกรัม 750- 900 บาทซึ่งในอนาคตจะมีการส่งออกไปยังประเทศจีน เชื่อว่าจะทำให้มีราคาเพิ่มขึ้นเท่าตัว