แม่แรงงานไทยปล่อยโฮ ฮามาสปล่อยตัวลูก เผยทุกข์ทรมานมานานได้กินข้าวมื้อที่อร่อยที่สุดในชีวิต
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้าเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มแรงงานไทยชาว จ.นครพนม ไปทำงานอิสราเอลอยู่ระหว่างรับการช่วยเหลือ ปล่อยตัวประกันของกลุ่มฮามาส โดยก่อนนี้มียอดแรงงานไทย ชาว จ.นครพนมสูญหายถูกจับเป็นตัวประกัน รวม 5 รายได้รับการปล่อยตัวแล้ว 1 ราย เหลืออีก 4 ราย ล่าสุดนับเป็นข่าวดีสำหรับครอบครัว นางสา (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี แม่ตัวประกัน หลังทราบข่าวลูกชาย คือ นายต้อน อายุ 40 ปี แรงงานไทยไปทำงานอิสราเอล ได้ประมาณ 2 ปี ถูกจับเป็นตัวประกันตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ขาดการติดต่อนานกว่า 1 เดือน ไม่รู้ชะตากรรม พบเพียงภาพหลักฐานทางสื่อโซเชียลถูกกลุ่มฮามาสจับตัว จนกระทั่งล่าสุดกลุ่มฮามาสยอมปล่อยตัว อยู่ระหว่างการช่วยเหลือของรัฐบาลไทยส่งกลับไทย ทำให้ครอบครัว ญาติพี่น้องที่ทราบข่าวต่างดีใจถึงขั้นร้องไห้โฮ เพราะไม่คิดว่าจะรอดชีวิตเนื่องจากขาดการติดต่อนานกว่า 1 เดือน
ด้าน นางสา (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี แม่แรงงานไทยกล่าวว่า รู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูก ได้แต่ร้องไห้โฮด้วยความดีใจ เนื่องจากทุกข์ทรมาน คิดถึงลูกชายที่หายตัวไปนานกว่า 1 เดือน จนคิดว่าจะไม่มีชีวิตรอดกลับมา เฝ้ารอเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้น เพราะลูกชายเป็นเสาหลักครอบครัว หลังจากพ่อเสียชีวิตเมื่อ 10 ปีก่อน จึงต้องไปทำงานต่างประเทศ แลกเงินมาดูแลครอบครัวเพราะเป็นลูกชายคนโต ส่วนลูกชายคนที่สองไปทำงานต่างจังหวัด ยอมรับหลังทราบข่าวลูกชายปลอดภัย เป็นวันที่กินข้าวมื้ออร่อยที่สุดในชีวิต พร้อมจุดธูปบอกกล่าววิญญาณของสามี และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายพร้อมที่จะแก้บนตามที่บนบานไว้ทุกอย่าง เชื่อว่าส่วนหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
ด้าน นายนพพร มานะ แรงงานจังหวัดนครพนมเปิดเผยว่า สำหรับข้อมูลแรงงานไทย ชาว จ.นครพนม ไปทำงานอิสราเอล ทั้งหมดจำนวน 2,136 ราย ได้รับการช่วยเหลือ และขอกลับไทยแล้วจำนวนกว่า 700 ราย ก่อนนี้มีแรงงานไทยชาว จ.นครพนมที่สูญหายขาดการติดต่อ รวม 5 คน ล่าสุดได้รับการปล่อยตัว หลังถูกจับเป็นตัวประกันแล้ว 2 ราย เสียชีวิต 2 ราย ส่วนการดูแลช่วยเหลือได้ประสานช่วยเหลือ ทั้งค่าเดินทาง การดูแลสวัสดิการตามสิทธิที่จะได้รับทุกราย นอกจากนี้ยังได้ดูแลเรื่องการจัดหางานใหม่ให้ รวมถึงการหางานต่างประเทศ สำหรับคนที่ต้องการไปทำงานอีก โดยทางจัดหางานจังหวัดนครพนมร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ได้เร่งให้การดูแลช่วยเหลือทุกด้าน
