ตรัง-ร้องเรียนผ่าน ผอ.สำนักอุทยาน ตะลุยสุ่มตรวจ เจอแจ๊กพ็อตอุทยานเจ้าไหม ไม่จัดเก็บค่าเข้าเที่ยวชมอุทยาน เสนอรายงานรายได้เข้ากรมอุทยานฯ แค่วันละหลักหมื่นบาท ทำรัฐสูญรายได้นับแสนบาทต่อวัน ต่อปีเก็บได้เพียง 3-6 ล้านบาท ขณะที่อุทยานอื่นๆ ได้หลายสิบล้าน สงสัยมีการจ่ายตรงเจ้าหน้าที่โดยไม่ผ่านตั๋ว สั่ง หน.อุทยานเจ้าไหม ทำรายงานชี้แจงด่วน
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำทีมชุดพญาเสือลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจพื้นที่เกาะกระดาน เขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง แต่ระหว่างทางขาไปเวลาประมาณ 09.30 น. และขากลับหลังเสร็จภารกิจบนเกาะกระดานในเวลาประมาณ 14.30 น.ได้แวะเข้าสุ่มตรวจบริเวณหน้าถ้ำมรกต ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ของ จ.ตรัง ซึ่งเป็นถ้ำใต้ทะเลที่นักท่องเที่ยวสามารถเกาะหลังลอยตัวเข้าไปภายในถ้ำและไปทะลุภายในปล่องภูเขาหินปูน ซึ่งมีชายหาดและน้ำทะเลสวยใสเป็นมรกต และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติในช่วงเปิดฤดูกาลการท่องเที่ยวทะเลตรังมาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมากสูงสุดหลายพันคนต่อวัน เช่นเดียวกับเกาะกระดาน ชายหาดที่สวยที่สุดในโลก โดยเป็นการสุ่มตรวจ 2 ครั้งในวันเดียว
นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ทางสำนักฯได้รับการร้องเรียนมายาวนานว่า เจ้าหน้าที่อุทยานหาดเจ้าไหม ไม่มีการมาดำเนินการจัดเก็บค่าเข้าใช้บริการที่บริเวณถ้ำมรกตแห่งนี้มายาวนานแล้ว ประกอบกับรายงานการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยานหาดเจ้าไหมซึ่งมีพื้นที่จัดเก็บหลายแห่ง แต่รายได้ต่อวันต่ำกว่าอุทยานอื่นๆ มาก โดยได้เพียงหลักหมื่นบาทต่อวัน ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวภายในเขตอุทยานหาดเจ้าไหมมีหลายจุด รวมทั้งถ้ำมรกตแห่งนี้ เป็นพื้นที่เป้าหมายของนักท่องเที่ยว ทั้งจากที่ลงเรือฝั่ง จ.ตรัง และเดินทางมาทางเรือจากจังหวัดใกล้เคียง ทั้งจากกระบี่ พังงา ภูเก็ต และ จ.สตูล เข้ามาท่องเที่ยว แต่ผลการจัดเก็บรายได้ต่ำมากเพียงแค่วันละหลักหมื่นบาท หรือบางเดือนแค่ 2-3 หมื่นบาท แต่ไม่เคยเกิน 4 หมื่นบาท
ขณะที่อุทยานอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงรายได้ต่อวันนับแสนบาท จึงมีการส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นความจริง วันนี้จึงเดินทางมาตรวจสอบด้วยตนเอง ก็พบความจริงว่าทั้งภาคเช้าและภาคบ่ายที่เข้ามาสุ่มตรวจ ไม่มีเจ้าหน้าที่อุทยานหาดเจ้าไหมเข้ามาจัดเก็บค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด โดยทั้งภาคเช้าและภาคบ่าย จังหวะที่เข้ามามีทั้งรียอชต์ เรือหางยาวนำเที่ยวจำนวนมากมาจอดลอยลำปล่อยนักท่องเที่ยวเข้าไปชมภายในถ้ำ ทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ โดยที่ตลอดทั้งวัน เจ้าของเรือ ไกด์นำเที่ยว ยอมรับว่าไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาจัดเก็บค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด ทำรัฐสูญเสียรายได้ สำหรับอัตราค่าเข้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม อัตราค่าบริการชาวไทย เด็ก 20 บาท/คน ผู้ใหญ่ 40 บาท/คน ชาวต่างประเทศ เด็ก 100 บาท/คน ผู้ใหญ่ 200 บาท/คน
“ทุกคนที่มาเที่ยวอุทยานหาดเจ้าไหม จะต้องมาเกาะกระดาน ซึ่งเป็นไฮไลต์ และถ้ำมรกต แต่เจ้าหน้าที่อุทยานหาดเจ้าไหม ไม่ได้มีการจัดเก็บค่าเข้าอุทยาน แต่จะเก็บแค่บนฝั่งเท่านั้น ก็รู้อยู่แล้วว่ารายได้ที่มาจากการจัดเก็บเพื่อป้องกันการทุจริตจะต้องมีความโปร่งใส แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาเลย ปกติจะมีเรือบริการลอยน้ำรอจัดเก็บ แต่นี่ไม่มี ทั้งนี้ แต่ละวันจะมีเรือจากจังหวัดใกล้เคียงโฉบเข้ามาเที่ยว มาเข้าชมแล้วไป แต่ไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียม ซึ่งเรือทุกลำเขาก็พร้อมจ่ายถ้าเจ้าหน้าที่มาประจำการ อุทยานฯหาดเจ้าไหมถ้าทำไม่ได้ก็ต้องชี้แจงว่าทำไมถึงทำไม่ได้ และหลังจากนี้จะต้องให้หัวหน้าอุทยานฯหาดเจ้าไหมชี้แจงทุกเรื่อง เงินรายได้ที่หายไปวันนี้มีการจัดเก็บอย่างไร และเป็นที่สังเกตว่า วันนี้แม้จะมีแจ้งสถานการณ์ว่ามีมรสุม แต่นักท่องเที่ยวก็ไม่น้อยกว่า 500 คน โดยเรือขนาดเล็กบรรจุได้ 10-20 คน เรือขนาดใหญ่บรรจุไม่ต่ำกว่า 50-100 คน” นายชัยวัฒน์กล่าว
นายชัยวัฒน์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ อุทยานหาดเจ้าไหมได้รายงานค่าธรรมเนียมที่จัดเก็บได้ในวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ได้เพียงหมื่นกว่าบาท ประกอบด้วย ชาวต่างชาติ จำนวน 1 คน รถยนต์ 9 คัน ชาวไทย จำนวน 18 คน ส่วนที่ทำการเกาะกระดานรายงาน ชาวต่างชาติจำนวน 35 คน ชาวไทย 4 คน เรือยนต์ 3 ลำ เรือเล็ก 3 ลำ ที่หาดปากเมง คนไทย 14 คน ชาวต่างชาติ 5 คน เรือใหญ่ 1 ลำ ทั้งนี้ รวมชาวต่างชาติทั้งหมด 41 คน รายงานมาเป็นยอดเงินทั้งสิ้นจำนวน 10,070 บาท และวันที่ 28 พ.ย. อุทยานฯหาดเจ้าไหม รายงานว่ามีนักท่องเที่ยวที่ทำการอุทยานฯ 2 คน ที่เกาะกระดาน 72 คน รวมทั้งหมด 74 คน และเป็นเฉพาะชาวต่างชาติ แต่วันนี้ตนจู่โจมเข้ามาตรวจสอบโดยไม่ได้แจ้งให้อุทยานฯหาดเจ้าไหมรู้ กลับพบเจอเรือหางยาวนับสิบลำ รวมๆ ไม่ต่ำกว่า 400-500 คน รายได้เข้ารัฐหายไปวันนี้เป็นแสนบาทเฉพาะแค่ที่ถ้ำมรกตแค่จุดเดียว
“ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และหน่วยงานตรวจสอบก็เพ่งเล็งการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยานอยู่ จะต้องให้โปร่งใส เป็นไปได้ว่าผู้ประกอบการอาจมีการจ่ายตรงกับเจ้าหน้าที่ โดยไม่ผ่านตั๋วเข้าชม ซึ่งอุทยานเจ้าไหมแต่ละวันจัดเก็บได้น้อยกว่าอุทยานอื่นๆ ได้วันละหมื่นกว่าบาท ต่อปีอุทยานหาดเจ้าไหมรายงานได้แค่ปีละ 3-6 ล้านบาท แต่ในขณะที่อุทยานอื่นๆ จัดเก็บได้วันละเป็นแสนบาท ตกปีละหลายสิบล้านบาท ทั้งหมดนี้จะต้องให้ทางนายพริษฐ์ นราสฤษฏ์กุล หัวหน้าอุทยานหาดเจ้าไหมทำรายงานชี้แจงมาทั้งหมด” นายชัยวัฒน์กล่าว