ศอ.บต.จ่อดัน ‘นกกรงหัวจุก’ สัตว์เศรษฐกิจ ‘ซอฟต์เพาเวอร์’ ชายแดนใต้ 

ศอ.บต.จ่อดัน ‘นกกรงหัวจุก’ สัตว์เศรษฐกิจ ‘ซอฟต์เพาเวอร์’ ชายแดนใต้ 

ศอ.บต. จ่อดันนกปรอดหัวโขน (นกกรงหัวจุก) เป็นสัตว์เศรษฐกิจ “ซอฟต์เพาเวอร์” ชายแดนใต้ สร้างโอกาสในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ กระตุ้นการท่องเที่ยว ไปพร้อมกับการพัฒนาแนวทางการเลี้ยงนกกรงหัวจุกอย่างยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสัตว์ป่า

นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้มีการประชุมหารือ และรับฟังความเห็นแนวทางการผลักดันนกปรอดหัวโขน (นกกรงหัวจุก) เป็นสัตว์เศรษฐกิจจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น นายมีศักดิ์ แก้วกูล ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์พื้นที่ 6 สงขลา ผศ.ดร.สาระ ศรีบำรุง อาจารย์ประจำหลักสูตรชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ตัวแทนชมรมนกกรงหัวจุก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

นายชนธัญกล่าวว่า เนื่องจากชมรมผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุก ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้สะท้อนว่า ปัจจุบันผู้เลี้ยงที่ครอบครองนกกรงหัวจุกที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนรับอนุญาตเป็นจำนวนมาก เนื่องจากนกกรงหัวจุกเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ห้ามมิให้ผู้ใดล่า ครอบครอง จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

Advertisement

นายชนธัญกล่าวอีกว่า มีข้อเสนอให้มีนโยบายปลดล็อกออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยยกกรณีเทียบเคียงเดียวกับนกเขาชวาเสียง ที่เมื่อปลดล็อกจากสัตว์คุ้มครองแล้ว ทำให้มีการขยายตัวของผู้เลี้ยงเพิ่มขึ้น โดยที่ไม่ได้ทำให้สูญพันธุ์แต่อย่างใด ในกรณีนกกรงหัวจุกเช่นเดียวกัน ที่ปัจจุบันนั้นร้อยละ 90 ของเลี้ยง หรือขาย ล้วนเป็นนกที่มาจากฟาร์มเพาะทั้งสิ้น มิได้เป็นการสุ่มจับนกป่าอย่างในอดีตเมื่อ 30 ปีที่แล้ว

“จะได้สายพันธุ์ที่ดีกว่า เสียงดีกว่า รูปร่างดีกว่า เนื่องจากฟาร์มเพาะพันธุ์ปัจจุบัน มีองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญในการหาพ่อ-แม่พันธุ์ดี มาผสมให้ได้พันธุ์ที่ดี และท้ายที่สุดก็จะลดจำนวนของการจับนกป่าไปในที่สุด นอกจากนี้ทางชมรมฯ ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม ผู้เลี้ยงให้ขึ้นทะเบียน เนื่องจากจะเป็นช่องว่างให้มีการจับนกป่าสวมสิทธิ์มาขึ้นทะเบียน และที่สำคัญแม้ว่าเมื่อมีการนิรโทษกรรมแล้วจะมีการขึ้นทะเบียนทุกตัว ก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัด นำเข้าหรือนำออกนอกประเทศไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถผลักดันในการจัดการแข่งขัน ซื้อ-ขาย ระหว่างจังหวัด ภูมิภาค และระหว่างประเทศได้ ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับนโยบาย ซอฟต์เพาเวอร์ ในการผลักดันส่งเสริมสัตว์เศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง”

ตัวแทนชมรมนกกรงหัวจุกกล่าวว่า การเลี้ยงนกกรงหัวจุกในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สร้างห่วงโซ่ประโยชน์ทางเศรษฐกิจในหลายด้าน เช่น ด้านรายได้ นกกรงหัวจุกเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงได้อย่างสูง โดยราคานกกรงหัวจุกในตลาดซื้อขายมีตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ และคุณภาพของนก เกษตรกรผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุกในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนใหญ่มีรายได้จากการเลี้ยงนกกรงหัวจุกเป็นหลัก สามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อปีประมาณ 100,000-200,000 บาท

Advertisement

“มีการสร้างงาน การเลี้ยงนกกรงหัวจุก ทำให้เกิดการจ้างงานในห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ผู้เพาะพันธุ์นก พ่อค้าคนกลาง ผู้ผลิตและจำหน่ายกรงนก อาหารนก อุปกรณ์ตกแต่งกรงนก เป็นต้น ก่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นจำนวนมาก และด้านการท่องเที่ยว การเลี้ยงนกกรงหัวจุกเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการจัดงานประกวดนกกรงหัวจุกเป็นประจำทุกปี ซึ่งช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นเข้ามาในพื้นที่

ชมรมนกกรงหัวจุกจังหวัดชายแดนภาคใต้ เสนอให้มีการตั้งอนุกรรมการ ผลักดันนกกรงหัวจุกไปสู่ซอฟต์เพาเวอร์ ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยดำเนินการทั้งระบบตั้งแต่ต้นทางคือการได้มาซึ่งนกกรงหัวจุกการเพาะและขยายพันธุ์ ที่จะนำไปสู่ความมั่นใจได้ว่า จะไม่มีการนำนกกรงหัวจุกจากธรรมชาติ จากป่า มาสู่การเลี้ยงซึ่งในส่วนนี้ทางชมรมได้มีมาตรการและหรือจัดเตรียมมาตรการ เพื่อการลงโทษผู้นำนกกรงหัวจุกออกจากป่ามาขั้นเด็ดขาด

รวมทั้งการวางมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การจัดหาอาหาร เพื่อเลี้ยงนก จำพวกกล้วยหิน หนอน หรือพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ การสร้างหัตถกรรมพื้นบ้านโดยใช้ลวดลายอัตลักษณ์ของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เป็นศิลปะบนกรงนก อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับนก รวมไปถึง การจำหน่าย การจัดงานนกประจำปี ซึ่งตั้งความหวังว่ารัฐบาลนี้จะส่งเสริมให้เป็นการแข่งขันระดับนานาชาติที่เป็นสากลในทุกปี”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image