‘ลุงพล’ ปาดน้ำตา กลางวงแถลงข่าว ลั่น ขอสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์

‘ลุงพล’ ปาดน้ำตา กลางวงแถลงข่าว ลั่น ขอสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์ ทนายเผยแผน ใช้ 2 เสียงเห็นแย้ง สู้ต่อในชั้นอุทธรณ์

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 20 ธันวาคม ที่โรงแรมริเวอร์ฟอนต์ จังหวัดมุกดาหาร นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล และนางสมพร หลาบโพธิ์ พร้อมด้วย นายสุรชัย ชินชัย ทีมทนายความ แถลงข่าวหลังจากได้ยื่นหลักทรัพย์ต่อศาลจังหวัดมุกดาหาร เพื่อขอประกันตัวนายไชย์พล โดยใช้หลักทรัพย์ 5 แสนบาท

โดยช่วงที่รถตู้ของลุงพลถึงโรงแรม ลุงพลได้ลงมาจากรถตู้ในสภาพที่อิดโรย และมีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าทุกครั้ง ส่วนป้าแต๋นไม่เครียด และยิ้มได้ปกติ พร้อมพูดเปรยสั้นๆ ระหว่างลงรถว่า “ไม่เป็นไร เรายังมีก๊อกสอง”

โดยทั้งหมดได้เดินขึ้นไปชั้น 6 ของโรงแรม เพื่อแถลงข่าวกับสื่อมวลชนครั้งแรก หลังจากได้รับการประกันตัว ซึ่งก่อนการแถลงข่าวมี FC ของลุงพล หอบช่อดอกไม้มามอบให้ เพื่อเป็นกำลังใจจำนวนมาก

Advertisement

โดยนายไชย์พลเปิดเผยความรู้สึกเพียงสั้นๆ เนื่องจากยังพูดไม่ออกและมีท่าทีจะร้องไห้ว่า ตนน้อมรับคำตัดสินของศาลชั้นต้น ได้รับทราบคำสั่งเรียบร้อย ซึ่งต่อไปก็เป็นหน้าที่ของทีมทนาย เมื่อถามว่าลุงพลผิดหวังสำหรับผลคำสั่งของศาลหรือไม่นั้น เจ้าตัวไม่ตอบ บอกเพียงว่า “ผมไม่ค่อยรู้ และไม่ค่อยเข้าใจอะไรมาก ขอให้ทีมทนายความอธิบายแทน พร้อมขอขอบคุณ FC ทุกคนที่ให้กำลังใจ”

หลังจากนี้จะขอมอบให้ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของทีมทนายความต่อสู้ และพิสูจน์ว่า “ตนไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด“ อยากให้ทุกคนสบายใจและเข้าใจว่า “ตนและป้าแต๋นไม่เกี่ยวข้อง”

Advertisement

ด้านป้าแต๋นกล่าวว่าขอบคุณ FC ทุกคนที่คอยติดตามและให้กำลังใจ ตนเชื่อว่า FC ทุกคนรู้ว่ากระบวนการยังไม่จบ ยังมีอีก 2-3 ศาลให้ต่อสู้ แต่วันนี้ตนพร้อมน้อมรับผลคำตัดสินของศาล แต่จะขอสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์ต่อไป เมื่อถามว่าป้าแต๋นอยากจะพูดอะไรตอบโต้หรือไม่ หลังก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์หลังศาลตัดสินในวันนี้ เจ้าตัวตอบว่า รอให้ถึงศาลฎีกาก่อน แล้วจะพูดตอบโต้

ขณะที่นายสุรชัยระบุว่า จำเลยของตนเคารพและน้อมรับคำพิพากษาของศาล และขอบคุณศาลท่านที่อนุญาต-เมตตาปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างการต่อสู้คดี ซึ่งในคดีนี้ศาลมีดุลพินิจตัดสินแล้วว่าลุงพลผิดใน 2 กระทง มีโทษจำคุก 20 ปี

ส่วนในรายละเอียดของคดี ศาลชั้นต้นได้ฟังข้อเท็จจริง และเชื่อว่าน้องชมพู่ไม่มีทางขึ้นภูเหล็กไฟได้ด้วยตัวเอง ด้วยรายงานการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งพยานบุคคลที่มาเบิกความว่าเด็กในวัยนี้สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้วันละ 6 ชั่วโมงเท่านั้น จึงไม่เชื่อว่าสามารถขึ้นภูเหล็กไฟได้

ในกรณีนี้เมื่อศาลท่านไม่เชื่อ ก็ต้องมาดูต่อว่าใครจะเป็นผู้พาไปได้ โดยตามรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คนที่เข้าถึงผู้ตายได้ ต้องเป็นเครือญาติ ซึ่งเครือญาติมีทั้งหมด 14 คน จึงขีดเส้น “ลุงพล” คนเดียว เนื่องจากว่ามีข้อพิรุธว่าในช่วงเวลา 09.11-09.49 น. ของวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ลุงพลไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าอยู่ที่ไหนกันแน่ ศาลท่านเชื่อกระบวนการทางอากาศ แต่ในทางต่อสู้ประเด็นนี้ เราได้นำพยานบุคคลมาหักล้าง โดยการเบิกความของพยาน

ส่วนกรณีเส้นผม 1 เส้นที่พบในรถยนต์ เป็นกลุ่มเส้นผมที่พบอยู่ข้างศพของน้องชมพู่ โดยได้เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์หลักฐาน จนสามารถเชื่อมโยง และฟังได้ว่า “ไม่มีคนอื่นพาไป นอกจากลุงพลคนเดียว” ซึ่งศาลท่านเชื่ออย่างนั้น วันนี้จึงมีคำพิพากษาใน 2 ข้อหา คือ กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดา โดยศาลท่านมองว่าลุงพลไม่มีเจตนาฆ่าเด็ก ทำให้ลุงพลถูกตัดสินจำคุก 2 ข้อหา รวมโทษ 20 ปี

ส่วนข้อหาอำพรางซ่อนเร้นศพของทั้ง 2 จำเลย ศาลยกฟ้อง ซึ่งวันนี้ถือว่าสิ้นสุดว่าใครเป็นคนพาเด็กไป แม้ในคดีนี้จะไม่มีประจักษ์พยานที่เห็นได้อย่างชัดเจน

สำหรับในประเด็นการจ่ายค่าสินไหมทดแทนในคดีแพ่ง ทางโจทก์เรียกค่าปลงศพ 300,000 บาท แต่ศาลให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เป็นเงิน 150,000 บาท ส่วนค่าขาดรายได้ในการอุปการะเลี้ยงดู ทางฝ่ายโจทก์เรียก 5 ล้านบาท จากการคำนวณหากเด็กมีชีวิตอยู่ จะได้รายได้ต่อปี ปีละ 60,000 บาท ดังนั้น ศาลให้จ่ายเป็นเงิน 1,020,000 บาท

โดยหลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของทีมทนายที่จะเขียนคำอุทธรณ์ เพื่อยื่นต่อศาลภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันนี้ แต่ด้วยเอกสารที่มีหลายแฟ้ม จึงต้องใช้เวลาในการเขียนข้อโต้ตอบและคัดค้าน เพื่อให้ศาลพิจารณาพิพากษาอีกครั้ง ซึ่งในครั้งต่อไปจะเป็นศาลอุทธรณ์ภาค 4 จังหวัดขอนแก่น คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 ปี

ในคำพิพากษาศาลแจ้งให้ทราบว่า มีความเห็นแย้ง 2 ท่าน ให้ยกฟ้องคดีนี้ แต่ศาลชั้นต้นก็พิพากษาออกมาแล้ว ต่อไปต้องคัดถ่ายคำพิพากษาศาลที่สมบูรณ์ ก่อนจะยื่นอุทรณ์ของลุงพลต่อไป คดีนี้ยกฟ้องข้อหาเคลื่อนย้ายศพ ค่าเสียหายทางแพ่งป้าแต๋นไม่ต้องรับผิดชอบ

ส่วนความเห็นแย้งของหัวหน้าผู้พิพากษาและอธิบดีผู้พิพากษาทั้ง 2 ท่าน มีผลต่อคดีเป็นอย่างมาก เป็นความเห็นที่มีเหตุมีผล จำเลยทั้ง 2 ไม่มีความผิดตามที่ฟ้อง แต่อาจจะมีความเห็นแย้งต่างกันก็ได้ แต่เห็นตรงข้ามกับคำพิพากษาวันนี้ ซึ่งมีประโยชน์ต่อจำเลย สรุปแพ้คะแนนแบบไม่เอกฉันท์ แพ้บางส่วน

โดยทิ้งท้ายในวันนี้ว่า “ลุงพลไม่มีจิตใจโหดร้ายที่จะฆ่าเด็ก วันนี้เป็นการแพ้ในยกที่ 1 แต่ไม่ได้แพ้น็อก“

อย่างไรก็ตาม การประกันตัวลุงพล ได้วางหลักทรัพย์เป็นเงิน 500,000 บาท โดยศาลไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใดๆ ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีพิธีผูกแขนบายศรีสู่ขวัญในช่วงเวลา 09.00 น. ที่วังปู่ปาริจิต-นาลุงพลป้าแต๋น จังหวัดสกลนคร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างแถลงข่าว ลุงพลมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัดเจน และมีน้ำตาไหลออกมา ต้องนำทิชชู่มาเช็ด คาดว่าอาจเครียดกับคำพิพากษา รวมทั้งปัญหาที่สะสมตลอดระยะเวลาในกาต่อสู้คดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image