ศาลสั่งจำคุก ‘ลุงพล’ 20 ปีคดีน้องชมพู่ ‘ป้าแต๋น’ รอด ทนายยื่น 5 แสนได้ประกัน เตรียมอุทธรณ์สู้ใน 30 วัน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 ธันวาคม ที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล และนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น พร้อมด้วยนายสุรชัย ชินชัย ทีมทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษาในคดีที่อัยการจังหวัดมุกดาหาร เป็นโจทก์ฟ้องนายไชย์พล เป็นจำเลยที่ 1 และนางสมพร เป็นจำเลยที่ 2 ในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ วัย 3 ขวบ ที่หายออกไปจากบ้านในพื้นที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563
ทั้งนี้ อัยการจังหวัดมุกดาหารเป็นโจทก์ฟ้องนายไชย์พล 4 ข้อหา ประกอบด้วย ในฐานความผิดฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา, พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควร, ทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน 9 ปี ไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้ผู้ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตาย และกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ
ส่วนป้าแต๋น มีความผิดในข้อหาร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
ต่อมาเวลา 12.35 น. ศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 และ 317 วรรคแรก ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันควร จำคุก 10 ปี และให้ชำระค่าสินไหมทดแทนทางแพ่งให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสอง ส่วนที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันเคลื่อนย้ายศพนั้น เห็นว่าภายหลังวันเกิดเหตุจนถึงวันที่พบศพผู้ตาย เห็นควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้งสองในข้อหานี้ ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2
นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนขอบคุณพ่อแบมมากที่ช่วยยืนยันข้อเท็จจริง เนื่องจากไม่เคยเป็นพยานที่ให้เงินเลย ช่วยกันมาไม่เคยกลับคำให้การ โดยที่เราเองก็ไม่ได้ร้องขอ ถือว่าเป็นพยานที่สำคัญมากๆ ทำให้คดีนี้มาถึงวันนี้ได้ รู้สึกตื้นตันในสิ่งที่ชาวบ้านทำให้เด็กคนหนึ่งตายโดยไม่มีใครรู้ใครเห็น ถ้าไม่มีพยานเห็นไม่รู้คดีนี้จะจับคนร้ายได้ไหม
“วินาทีที่ศาลอ่านปวดหัวใจ และลุ้นมาก ตอนที่ศาลท่านพูดว่า เชื่อได้ว่า… จำเลยที่ 1 เป็นผู้กระทำ ทำให้หัวใจฟู หัวใจพอง เชื่อว่าคดีนี้จะได้ตัวคนร้ายแน่นอน” นางสาวิตรีกล่าว
ต่อมาทนายยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวนายไชย์พลเป็นการชั่วคราว โดยศาลอนุญาตตีราคาหลักทรัพย์เป็นเงิน 5 แสนบาท
ที่โรงแรมริเวอร์ฟร้อนท์ มุกดาหาร นายไชย์พล และนางสมพร พร้อมนายสุรชัย ชินชัย ทีมทนายความ แถลงข่าว โดยนายไชย์พลเปิดเผยว่า น้อมรับคำตัดสินของศาลชั้นต้น ซึ่งต่อไปก็เป็นหน้าที่ของทีมทนาย เมื่อถามว่า ผิดหวังสำหรับผลคำสั่งของศาลหรือไม่ ลุงพลกล่าวว่า “ผมไม่ค่อยรู้ และไม่ค่อยเข้าใจอะไรมาก ขอให้ทีมทนายความอธิบายแทน พร้อมขอขอบคุณเอฟซีทุกคนที่ให้กำลังใจ”
ด้านป้าแต๋นกล่าวว่า ขอบคุณเอฟซีทุกคนที่คอยติดตามและให้กำลังใจ เชื่อว่าเอฟซีทุกคนรู้ว่ากระบวนการยังไม่จบ ยังมีอีก 2-3 ศาลให้ต่อสู้ แต่วันนี้พร้อมน้อมรับผลคำตัดสินของศาล แต่จะขอสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
นายสุรชัยกล่าวว่า ขอบคุณศาลท่านที่อนุญาต เมตตาปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างการต่อสู้คดี ซึ่งในคดีนี้ศาลมีดุลพินิจตัดสินแล้วว่าลุงพลผิดใน 2 กระทง มีโทษจำคุก 20 ปี สำหรับในประเด็นการจ่ายค่าสินไหมทดแทนในคดีแพ่ง ทางโจทก์เรียกค่าปลงศพ 300,000 บาท แต่ศาลให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เป็นเงิน 150,000 บาท ส่วนค่าขาดรายได้ในการอุปการะเลี้ยงดู ฝ่ายโจทก์เรียก 5 ล้านบาท จากการคำนวณหากเด็กมีชีวิตอยู่จะได้รายได้ต่อปี ปีละ 60,000 บาท ดังนั้น ศาลให้จ่ายเป็นเงิน 1,020,000 บาท
“หลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของทีมทนายที่จะเขียนคำอุทธรณ์เพื่อยื่นต่อศาลภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันนี้ แต่ด้วยเอกสารที่มีหลายแฟ้มจึงต้องใช้เวลาในการเขียนข้อโต้ตอบและคัดค้าน เพื่อให้ศาลพิจารณาพิพากษาอีกครั้ง ซึ่งในครั้งต่อไปจะเป็นศาลอุทธรณ์ภาค 4 จ.ขอนแก่น คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 ปี” นายสุรชัยกล่าว
