พ่อแม่น้องชมพู่ เตรียมอุทธรณ์เพิ่มโทษ ลุงพล ขอบคุณความจริงปรากฏ หลังถูกโจมตีนาน 3 ปี

พ่อ-แม่น้องชมพู่ เตรียมอุทธรณ์เพิ่มโทษ ลุงพล เล็งเอาผิด ม.288 ขอบคุณความจริงปรากฏ หลังถูกโจมตีมา 3 ปี

จากกรณีศาลจังหวัดมุกดาหารอ่านคำพิพากษาคดีน้องชมพู่ สั่งจำคุก นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล 20 ปี จากฐานกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันสมควร จำคุก 10 ปี และยกฟ้อง นางสาวสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น ภรรยาของนายไชย์พลนั้น

เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา หรือ แม่น้องชมพู่ เปิดเผยว่า จากคำตัดสินของศาลก็พอใจแล้วรู้สึกตื้นตันใจ ขอขอบคุณศาลจังหวัดมุกดาหาร ขอบคุณกระบวนการยุติธรรมและขอบคุณตำรวจชุดคลี่คลายคดีที่ทำให้ความจริงปรากฏว่า น้องชมพู่ไม่ได้เดินขึ้นเขาไปเสียชีวิตเอง มีคนทำให้เสียชีวิตและศาลก็ตัดสินมาแล้วว่า จำเลยที่ 1 คือ ลุงพล มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้อง

ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ตัวเองได้รับการติดต่อให้ไปออกรายการโทรทัศน์หลายรายการ แต่ส่วนใหญ่ก็เลือกจะปฏิเสธ พอมาถึงวันนี้ หลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาออกมา และชัดเจนว่าคดีนี้มีผู้กระทำผิด ก็ทำให้รู้สึกได้ว่าตัวเองมีกำลังใจ จึงตัดสินใจกล้าออกรายการโทรทัศน์และขอเป็นโหนกระแส รายการแรก

Advertisement

ซึ่งในส่วนของคดีที่จะมีการอุทธรณ์เพิ่มโทษนั้น ตนเองได้ปรึกษากับทนายแล้วว่าจะเพิ่มโทษในข้อหา 288 ฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งผล ตามที่อัยการได้มีการยื่นไปตอนแรก แต่เมื่อวานนี้ศาลได้มีการพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

หลังจากนี้ ก็น่าจะมีการหารือในรายละเอียดกับทีมทนายความให้ชัดเจนเพื่อดำเนินการตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่วนจำเลยที่ 2 คือ ป้าแต๋น ตนเองเชื่อว่าก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนปรึกษาทนายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

Advertisement

ขณะที่ นายอนามัย วงศ์ศรีชา หรือ พ่อน้องชมพู่ เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณกระบวนการยุติธรรมที่ให้ความเป็นธรรมกับน้องชมพู่แม้ว่าจะต้องรอคอยมานานถึง 3 ปี และที่ผ่านมา ตนเองก็ถูกสังคมบางส่วนและแฟนคลับของลุงพล โจมตีมาตลอดที่ไปสงสัยในตัวลุงพล พอถึงวันนี้ความจริงเริ่มปรากฏ ตนเองก็รู้สึกสบายใจขึ้น

ด้านนายพิสิษฐ์ ตรัยเจริญเมธากุล ทนายความแม่น้องชมพู่ เปิดเผยว่า ในส่วนของจำเลยที่ 1 ได้ลงโทษไป 2 ข้อหา จำคุกรวม 20 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลยกฟ้อง อย่างไรก็ตามมีหลักฐานบางส่วนที่เรามองตามข้อเท็จจริง ถ้าตามความเป็นจริงเด็กอยู่บ้าน ไปถึงบนเขา 1.2 กม. หากเราอุ้มเด็ก หรือเราสัมผัสเด็ก ทั้งลมหายใจ และการเต้นของหัวใจ เชื่อว่าทุกคนจะรู้ว่าเด็กมีชีวิตอยู่หรือไม่ และมีของเด็กเล่นไปตกอยู่บนเขาด้วย เราเชื่อว่ามีคนที่เอาเด็กไป และมีคนหยิบของเล่นเด็กไปด้วย นี่คือที่เรามองแตกต่างและจะใช้สิทธิตรงนี้ยื่นอุทธรณ์ต่อไป รวมทั้งจากแนวทางการสืบสวนสอบสวนเราก็เชื่อว่ามีการนำเด็กไปปล่อยโดยเจตนา

ตนเองจึงมองว่าพยานหลักฐานที่เรานำสืบมามีเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยได้ และคงใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อไป คดีนี้แม้ว่าจะไม่มีประจักษ์พยานก็ใช่ว่าจะไม่สามารถลงโทษได้ เพราะอาชญากรจะทิ้งร่องรอยไว้เสมอ คดีนี้จริงก็ยาก แต่ความร่วมมือทุกฝ่ายพยายามค้นหาความจริง เราจึงต้องใช้นิติวิทยาศาสตร์ และบุคคลพยานแวดล้อมต่างๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image