เสียงสะอื้น‘ลูกหนี้นอกระบบ’ หวังรัฐบาลคืนศักดิ์ศรี ฟื้นชีวิตความเป็นอยู่

เสียงสะอื้น‘ลูกหนี้นอกระบบ’ หวังรัฐบาลคืนศักดิ์ศรี ฟื้นชีวิตความเป็นอยู่

เสียงสะอื้น‘ลูกหนี้นอกระบบ’
หวังรัฐบาลคืนศักดิ์ศรี ฟื้นชีวิตความเป็นอยู่


“หนี้นอกระบบ”
เป็นปัญหาใหญ่ในสังคม เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ทั้งรายได้ไม่เพียงพอใช้จ่าย แม่ค้าแม่ขายไม่มีเงินหมุนเวียนก็ต้องกู้ยืมมาลงทุน และอีกหลายๆ เหตุผล ปัญหาใหญ่จากหนี้ คือ อัตราดอกเบี้ยสูง ทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นภาวะหนี้ไม่ได้ หาเงินได้เท่าใดก็หมดไปกับการจ่ายดอกเบี้ย แทบไม่มีโอกาสจ่ายเงินต้น ที่หนักกว่านั้น คือ ความรุนแรง การข่มขู่ คุกคาม ทำร้ายของนักทวงหนี้หากไม่สามารถส่งดอกเบี้ยได้ตามที่นัดหมาย

จากปัญหาที่เกิดขึ้น รัฐบาลโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงผลักดัน “การแก้ปัญหาหนี้” เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อฟื้นฟูความเป็นอยู่ คืนศักดิ์ศรี ความหวัง และสร้างความมั่นคงให้ประชาชน โดยบูรณาการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ นำลูกหนี้ เจ้าหนี้มาเจรจาประนีประนอม หาช่องทางดึงหนี้นอกระบบเข้ามาสู่ในระบบ รวมทั้งมาตรการป้องกัน ปราบปรามนักทวงหนี้ แก๊งเงินกู้นอกระบบ นายทุนดอกโหดที่กระทำผิดกฎหมายเพื่อความปลอดภัยของลูกหนี้

หลังเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา มีบรรดาลูกหนี้ทยอยลงทะเบียนร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง จากการพูดคุยกับลูกหนี้ ส่วนใหญ่เผชิญปัญหาหนี้ แบกรับความทุกข์ไม่ต่างกัน

Advertisement

“น.ส.มายด์” เจ้าของร้านเสริมสวย จากเมืองโคราช เล่าว่า เปิดร้านเสริมสวย แต่มีรายได้ไม่แน่นอน บางวันไม่มีลูกค้าเลย แต่มีรายจ่ายเป็นประจำทุกเดือน ทั้งค่าเช่าตึกเปิดร้าน ค่าแรงลูกจ้าง ค่าอุปกรณ์ แชมพู น้ำยาเสริมสวยต่างๆ ซึ่งต้องเตรียมเงินไว้จ่ายทุกเดือน เมื่อเจอปัญหาโรคโควิด-19 ระบาด ลูกค้ายิ่งหาย ต้องแบกภาระต้นทุนแบบเต็มๆ จึงต้องดึงเงินที่เก็บออมมาใช้จนหมด แม้โควิดคลี่คลาย แต่สภาพเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว เมื่อไม่มีเงินหมุนเวียน ก็จำเป็นต้องกู้ ตอนแรกพยายามกู้สินเชื่อธนาคารแต่ไม่ผ่าน จึงต้องกู้หนี้นอกระบบ เริ่มต้น 5,000 บาท ถ้าส่งจ่ายดี เจ้าหนี้จะปล่อยให้กู้ถึง 10,000 บาท โดยคิดดอกเบี้ยรายวัน อัตราร้อยละ 20 ซึ่งสูงมากแต่จำเป็นต้องกู้ หากไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ย จะถูกตามทวงหนี้ถึงบ้านและที่ร้าน พยายามขอผัดผ่อนเกือบปะทะคารมกันก็มี แต่ยังไม่เจอความรุนแรง

อยากให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหา โดยบอกธนาคารปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ประชาชนรายย่อย โดยเฉพาะคนรากหญ้าที่ไม่มีสินทรัพย์ ไม่มีสลิปเงินเดือน ไม่มีหลักค้ำประกันหรือผู้ค้ำประกัน ถ้าแก้หลักเกณฑ์นี้ได้ จะช่วยแก้หนี้นอกระบบได้ตรงจุด ประชาชนจำนวนมากได้รับประโยชน์”

“น.ส.น้อย” ชาวโคราชวัย 37 ปี ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว เป็นลูกหนี้อีกรายที่เดือดร้อนอย่างหนักจากหนี้นอกระบบก้อนโต ที่เริ่มมีความหวังหลังรู้ข่าวนโยบายแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาล

Advertisement

“ช่วงที่ธุรกิจมีปัญหาการเงิน จึงไปยืมเงินเจ้าหนี้นอกระบบมาหมุนเวียน แต่หมุนเงินไม่ทัน ก็ไปกู้เจ้าหนี้รายอื่นมาโปะเจ้าเดิมเรื่อยๆ ต่อกันหลายเจ้า เจ้าละ 10,000-20,000 บาท รวมเจ้าหนี้ทั้งหมดขณะนี้ 14 ราย เป็นหนี้รวมกว่า 150,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยรายวัน อัตราร้อยละ 20 ทุกวันนี้ต้องหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยวันละกว่า 7,000 บาท บางวันไม่มีเงินจ่ายก็ต้องหนี ใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวงตลอด เครียด

เมื่อรัฐบาลจะช่วยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ก็รีบมาลงทะเบียน อยากให้รัฐบาลช่วยเจรจากับเจ้าหนี้ จะขอผ่อนจ่ายเป็นรายเดือน หรือรายสัปดาห์ เพราะการหาเงินมาจ่ายรายวัน มันหาไม่ทันจริงๆ และอยากให้ธนาคารผ่อนปรนให้คนทั่วไปกู้โดยไม่ต้องใช้เครดิต จะช่วยแก้หนี้นอกระบบระยะยาวได้มากทีเดียว”

แม่ค้าอีกรายจาก อ.เมืองเลย เล่าว่า ยืมเงินเจ้าหนี้นอกระบบมา 5 ราย รวมยอดหนี้ 70,000 บาท ส่งดอกเบี้ยวันละ 1,800 บาท ส่วนใหญ่เป็นดอกลอย มีเจ้าหนี้รายเดียวที่หักทั้งต้นและดอก ส่วนที่เหลือส่งแต่ดอกเบี้ย ไม่มีหักต้น มีปัญหากับเจ้าหนี้ 2 ราย เพราะเกิดอุบัติเหตุรถชนร้านพัง จึงไม่ได้ขายของ และไม่มีเงินส่งดอก ขาดส่งดอกมา 1 อาทิตย์หมื่นกว่าบาท จากเงินต้น 20,000 บาท ถูกเจ้าหนี้ข่มขู่ ยึดอุปกรณ์ของขายภายในร้านและทรัพย์สินภายในบ้านไป จึงตัดสินใจลงทะเบียนแก้หนี้พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยคุ้มครองด้วย เพราะไม่มั่นใจว่าหลังมาแจ้งเจ้าหน้าที่แล้ว จะมีผลเสียตามมาหรือไม่ เจ้าหนี้ไม่พอใจหรือไม่

“กฤษดา” ชาวบ้าน ต.บ้านทุ่ม อ.เมืองจ.ขอนแก่น กล่าวว่า จำเป็นต้องกู้เงินมาเป็นทุนค้าขายเคยกู้เงินในระบบแล้ว กู้เท่าไรก็ไม่เคยผ่าน จึงต้องกู้นอกระบบแม้จะหนักแต่ต้องยอม เพราะเราหาเช้ากินค่ำ เริ่มแรกกู้ 10,000 บาทส่งทั้งต้นทั้งดอกวันละ 500 บาทเป็นเวลา 24 วัน เริ่มกู้มาได้ประมาณ 7-8 เดือน แต่เนื่องจากขายของยาก ทำให้รายได้และรายจ่ายไม่สมดุลกัน ตอนแรกกู้รายเดียว แต่หลังๆ ต้องกู้หลายราย รวม 6-7 ราย โดยกู้รายหนึ่งไปจ่ายอีกรายหนึ่งวนอยู่แบบนี้ รวมตอนนี้เป็นหนี้ประมาณ 80,000 บาท ต้องจ่ายดอกวันละ 3,000 บาท ส่วนการทวงหนี้ มีข่มขู่บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายหรือเอาชีวิต

อยากให้รัฐบาลหาแหล่งเงินทุนในระบบมาให้กู้ เพื่อนำไปจ่ายหนี้นอกระบบให้หมด แล้วหาเงินจ่ายหนี้ในระบบเป็นรายเดือน ถ้าโครงการสำเร็จ จะช่วยเหลือประชาชนได้ดีมากๆ

“หนุ่ม” อาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง วินสถานีขนส่ง จ.เชียงใหม่ เป็นหนี้นอกระบบ เพราะหมุนเงินไม่ทัน เนื่องจากมีรายได้ไม่แน่นอน กู้เงินธนาคารไม่ได้ จึงต้องหันไปพึ่งเงินกู้นอกระบบโดยยอมเสียดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 20 เดิมกู้เจ้าหนี้รายแรก เมื่อหมุนเงินไม่ทันก็ไปกูเจ้าหนี้รายที่ 2 มาจ่ายรายแรก เป็นวัฏจักรหนี้ไม่สิ้นสุดแบบนี้มานานแล้ว

สำหรับโครงการปลดหนี้ของรัฐบาล ยังชั่งใจว่าจะไปลงทะเบียนแก้ปัญหาหนี้หรือไม่ ใจจริงอยากปลดหนี้แต่กลัวแก๊งทวงหนี้เพราะโหดมาก ปัญหาหนี้นอกระบบทำมาแล้วหลายรัฐบาลแต่ไม่สำเร็จ แม้โอนหนี้ไปที่ธนาคาร แต่ชาวบ้านยังเป็นหนี้เหมือนเดิม

ส่วนชายอีกราย จากเมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า กู้เงินนอกระบบมากว่า 300,000 บาท ต้องจ่ายดอกเบี้ยรายวัน วันละ 10,000 บาท วันไหนไม่มีเงินจ่าย จะถูกแก๊งเงินกู้ไลน์มาทวง หรือโทรมาข่มขู่ว่าจะมาหาที่บ้านจนหวาดผวา เพราะที่บ้านมีภรรยาและลูก เมื่อรัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบ ก็คาดหวังว่าจะเจรจาไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้เพื่อขอลดเงินต้นและดอกเบี้ย เพราะเมื่อคำนวณแล้ว ที่ผ่านมาผ่อนดอกเบี้ยจนสูงกว่าเงินต้นมากแล้ว

หญิงสูงวัยชาวเมืองเชียงใหม่ กล่าวระหว่างเดินทางไปลงทะเบียนโครงการว่า จากความจำเป็นที่ต้องใช้เงิน เนื่องจากไปค้ำประกันให้เพื่อน แล้วเพื่อนหลบหนี จึงต้องรับสภาพใช้หนี้แทน ทำให้หมุนเงินไม่ทัน เมื่อต้องใช้เงินเร่งด่วน ก็ไปกู้ธนาคาร แต่กู้ไม่ผ่านเพราะติดสภาพหนี้จากเพื่อน ทำให้มีชื่อติดแบล๊กลิสต์เครดิตบูโร สุดท้ายต้องหันไปพึ่งบริการเงินกู้นอกระบบ จ่ายดอกเบี้ยสูง วันไหนหาเงินไม่ทันก็กูเจ้าหนี้รายใหม่มาจ่ายรายเก่า ทำให้ปัจจุบันเป็นหนี้ รวมประมาณ 3 แสน มีเจ้าหนี้มากกว่า 10 ราย ต้องส่งดอกเบี้ยวันละ 10,000 กว่าบาท จ่ายจนดอกเบี้ยท่วมเงินต้นแล้ว ตัดสินใจมาลงทะเบียนเพราะไม่มีทางออกแล้ว แม้จะกังวลเรื่องความปลอดภัย แต่อยากให้ช่วยเรียกเจ้าหนี้มาไกล่เกลี่ยขอหยุดส่งดอกเบี้ยไปก่อน และขอให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยจนกว่าจะได้ข้อยุติ

ถึงวันนี้ หลังเปิดรับลงทะเบียนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบกว่า 20 วัน มีประชาชนมาลงทะเบียนทั้งที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ และผ่านระบบออนไลน์แล้วนับแสนราย รวมมูลหนี้กว่า 6,200 ล้านบาท โดยโครงการยังคงเปิดให้ลงทะเบียนไปจนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567

ทีมข่าวภูมิภาค

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image