แม่น้ำสายบุรีทะลัก 3 อำเภอปัตตานี ต้องการความช่วยเหลือด่วน ผู้ว่าฯสั่งปิดถนนหลักหลังเที่ยงคืน หวั่นน้ำป่าฉับพลัน
จากกรณีเกิดฝนตกหนักวันที่ 22-25 ธันวาคม เป็นเหตุให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ น.นราธิวาส ได้รับผลกระทบทั้ง 13 อำเภอ 68 ตำบล 410 หมู่บ้าน 28,049 ครัวเรือน 109,545 คน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม มวลน้ำดังกล่าวไหลลงสู่ทะเลปัตตานี 2 สาย คือแม่น้ำสายบุรี ออกปลายน้ำอำเภอสายบุรี ประกอบกับช่วงน้ำทะเลหนุน ระบายน้ำได้ช้า ทำให้ 3 อำเภอของ จ.ปัตตานี คือ อ.กะพ้อ อ.ทุ่งยางแดง และ อ.สายบุรี บริเวณเส้นทางน้ำผ่าน หลายครัวเรือนต้องประสบอุทกภัยอย่างหนักแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วง 10 โมงเมื่อวานนี้ แม่น้ำสายบุรี ซึ่งเป็นต้นน้ำอยู่ใน อ.ศรีสาคร และ อ.สุคิริน ไหลออกสู่แนวเขตกว่า 10 ตำบล ที่เป็นทางผ่านของบริเวณรอบๆ แม่น้ำเกิดน้ำท่วมฉับพลัน บางพื้นที่กระแสน้ำไหลเชี่ยวอย่างรุนแรง จนขณะนี้น้ำเอ่อล้นเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 41 ช่วงระหว่างสายบุรี-นราธิวาส เขต ต.เจาะกีแย ละหาร บาโงมูลง รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ สะพานเสียหาย ทางขาด 1 แห่ง ที่ถนนกะพ้อ-สายบุรี
นอกจากนี้ หลายแห่งไฟฟ้าดับแล้ว ประชาชนต้องอพยพข้าวของขึ้นที่สูง บางส่วนไปกางเต็นท์อยู่ริมถนน รวมทั้งนำรถยนต์ ปศุสัตว์ วัว ควาย แพะ แกะ ไปอยู่ตามเกาะกลางทางหลวง เจ้าหน้าที่เปิดเดินรถทางเดียว เป็นระยะทางกว่า 10 กม. และยังพบรถดับจำนวนมาก ทำให้การจราจรช่วงหน้าเขตสายบุรีติดขัด คาดว่าแม่น้ำสายบุรีจะท่วมอยู่อีก 2-3 วัน
มีการคาดคะเนว่า มีความเสียหายไม่ต่ำกว่า 20 ตำบล ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ขณะนี้หลายหน่วยงานเริ่มทยอยแจกจ่ายน้ำดื่ม ข้าวกล่อง ด้านแม่ทัพภาคที่ 4 สั่งรถครัวทหารเข้ามาจัดการอาหาร ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านเร่งด่วนแล้ว
ขณะที่ นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมส่วนที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมทันที นำถุงยังชีพพระราชทานจากมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย มอบให้ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ต.ละหาร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ก่อนจะสั่งปิดถนนสายหลัก เนื่องจากต้องระวังความปลอดภัยและห่วงใยสถานการณ์ เร่งระดมทุกฝ่ายใช้เครื่องมือที่มีทั้งหมดช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่
