ชาวพระแสง-เคียนซา ผวาท่วมซ้ำระลอก 3 ตามฉวาง ชลประทานชี้เพิ่มขึ้นแต่ไม่ล้นเข้าชุมชน

วันที่ 22 มกราคม 2560 ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ประชาชนในพื้นที่ อ.พระแสง และ อ.เคียนซา พากันหวั่นวิตกจะเกิดน้ำท่วมอีกครั้งในรอบที่ 3 หลังเกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในพื้นที่ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นต้นทางแม่น้ำตาปี ล่าสุดสถานการณ์น้ำท่วมเหลือ 3 อำเภอริมแม่น้ำตาปีที่ อ.เคียนซา 3 ตำบล 10 หมู่บ้าน 126 ครัวเรือน 535 คน ที่ อ.บ้านนาเดิม 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน 40 ครัวเรือน 175 คน ที่ อ.พุนพิน 6 ตำบล 14 หมู่บ้าน 1,689 ครัวเรือน 5,017คน มีจุดอพยพ 6 จุด 55 ครัวเรือน 185 คน
นายมงกุฎ เศรษฐเอกพันธ์ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังจากวันที่ 21 มกราคม 2560 ในพื้นที่ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ได้เกิดน้ำท่วมอีกครั้งและมวลน้ำดังกล่าวจะไหลมายังพื้นที่ อ.พระแสง ในอีก 2-3 วันข้างหน้า ซึ่งจะทำให้แม่น้ำตาปีในพื้นที่ อ.พระแสง เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่เอ่อล้นท่วมชุมชน เนื่องจากครั้งนี้ปริมาณน้ำที่พื้นที่ อ.ฉวาง น้อยกว่าครั้งที่แล้ว และไม่มีมวลน้ำเสริมจากคลองอิปันและสินปุนซึ่งมาจาก จ.กระบี่ ไหลมารวมที่แม่น้ำตาปีที่ อ.พระแสง
“จึงทำให้ปริมาณน้ำในพื้นที่ อ.พระแสง จะเพิ่มเพียงเล็กน้อย ในส่วนของ อ.เคียนซา การระบายน้ำจะเป็นไปได้ช้าลงหากไม่มีปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะลงต่ำกว่าตลิ่งในวันที่ 26 มกราคมนี้” นายมงกุฎกล่าว
ขณะที่วันเดียวกัน นายอวยชัย อินทร์นาค ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ประชุมกำหนดแนวทางในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านที่อยู่อาศัยและสถานที่ราชการ ซึ่งพบมีบ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 59 หลัง และเสียหายบางส่วน 665 หลัง โดยการสร้างบ้านจะใช้แบบของกรมโยธาธิการและผังเมือง ใช้เวลาในการก่อสร้าง 30 วัน ซึ่งกำลังพิจารณาแบบบ้านให้เหมาะสมกับพื้นที่
“ส่วนบ้านที่เสียหายบางส่วนจะจ่ายเป็นเงินให้ผู้เสียหายไปดำเนินการซ่อมแซมเอง แต่วงเงินไม่เกิน 33,000 บาทตามที่จ่ายจริง ส่วนการก่อสร้างได้มอบให้กรมอาชีวศึกษารับผิดชอบเป็นเจ้าภาพก่อสร้าง จำนวน 10 หลัง หน่วยทหาร มทบ.45 จำนวน 33 หลัง ที่ทำการปกครองจังหวัด จำนวน 17 หลัง โดยใช้งบตามระเบียบทางราชการ” นายอวยชัยกล่าว
ส่วนที่สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 จ.สุราษฎร์ธานี นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ประชุมการจัดทำแผนฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ และลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยนายไมตรีเปิดเผยว่า กระทรวง พม.ได้เตรียมแนวทางช่วยเหลือฟื้นฟูประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย อาทิ ผู้สูงอายุ คนพิการ เด็ก และสตรี เพื่อคลี่คลายและบรรเทาภาวะวิกฤตเฉพาะหน้าและบำบัดฟื้นฟูจิตใจจนเข้าสู่ภาวะปกติ โดยผู้เสียชีวิตจะช่วยเหลือมอบเงินเยียวยา รายละ 100,000 บาท และหัวหน้าครอบครัว 125,000 บาท ด้านทรัพย์สิน จะมีการซ่อมแซมปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัยและปรับสภาพแวดล้อมให้แก่คนพิการ เป้าหมาย 500 หลัง และผู้สูงอายุ 220 หลัง จะสนับสนุนร่วม 20,000 บาทต่อหลัง
นายไมตรีกล่าวว่า ด้านอาชีพ จะจัดฝึกอบรมอาชีพแก่สตรีและประชาชนทั่วไป อีกทั้งสนับสนุนทุนประกอบอาชีพให้แก่คนพิการและสตรี และด้านสาธารณประโยชน์ จะให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟูวิถีชีวิตชุมชนของผู้ประสบภัย โดยเชื่อมโยงกับเครือข่ายต่างๆ
“การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้รับทราบถึงปัญหาต่างๆ ที่ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน ภายหลังประสบอุทกภัย ซึ่งกระทรวง พม.มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบทุกคน ตนได้กำชับให้หน่วยงานในพื้นที่บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็วและทั่วถึง” นายไมตรีกล่าว
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image