มติกกพ.เคาะค่าไฟงวด ม.ค.-เม.ย. จัดที่อัตรา 4.18 บาท/หน่วย
เมื่อวันที่ 10 มกราคม นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ.มีมติเห็นชอบเอฟทีขายปลีกเรียกเก็บสำหรับงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2567 จำนวน 39.72 สตางค์ต่อหน่วย ตามสูตรการคำนวณเอฟที ที่ปรับปรุงการคำนวณตามมาตรการลดค่าไฟฟ้าของกระทรวงพลังงานซึ่งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 และตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 ส่งผลให้ค่าไฟงวดปัจจุบันมีอัตรา 4.18 บาทต่อหน่วย จากเดิมกกพ.คำนวณค่าเอฟทีตามโครงสร้างการคิดราคาพูลก๊าซเดิมอยู่ที่ 89.55 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย
นายคมกฤช กล่าวว่า มติกพช.และครม.กำหนดให้ลดค่าไฟตาม 4 แนวหลัก ดังนี้ 1.ปรับปรุงตามมาตรการที่ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระเงินคงค้างสะสมสำหรับงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2567 จำนวน 15,963 ล้านบาท แทนประชาชนไปพลางก่อน ส่งผลให้ค่าเอฟทีลดลงได้ 25.37 สตางค์ต่อหน่วย และทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 4.43 บาทต่อหน่วย 2.ปรับปรุงราคาประมาณการสปอตแอลเอ็นจีจากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 16.9 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียูเป็น 14.3 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ทำให้ราคาพูลก๊าซลดลงจากเดิม 387 บาทต่อล้านบีทียูเหลือ 365 บาทต่อล้านบีทียู ส่งผลให้สามารถลดค่าเอฟทีลงได้ 9.98 สตางค์ต่อหน่วยและทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 4.34 บาทต่อหน่วย
นายคมกฤช กล่าวว่า 4.ปรับปรุงตามมาตรการปรับราคาก๊าซธรรมชาติเข้าและออกจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติเป็นราคาพูลก๊าซ ซึ่งเป็นราคารวมก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่นๆ ด้วย ยกเว้นก๊าซธรรมชาติที่นำไปใช้ในการผลิตก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงให้ใช้ต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติเท่ากับราคาก๊าซธรรมชาติอ่าวไทย (กัลฟ์ก๊าซ) ทำให้ราคาพูลก๊าซลดลงจาก 365 บาทต่อล้านบีทียูเหลือ 343 บาทต่อล้านบีทียู ส่งผลให้ค่าเอฟทีลดลงได้ 10.01 สตางค์ต่อหน่วยและทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 4.23 บาทต่อหน่วย และ 5.เรียกเก็บช็อตฟอลล์ คือ กรณีผู้ผลิตก๊าซในอ่าวไทยไม่สามารถส่งมอบก๊าซได้ตามเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติในช่วงปี 2563 – 2565 จากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และให้ ปตท. ส่งผ่านเงินช็อตฟอลล์จำนวน 4,300 ล้านบาท โดยให้นำมาลดค่าก๊าซในรอบเอฟทีงวดมกราคม-เมษายน 2567 ทำให้ราคาพูลก๊าซลดลงจาก 343 บาทต่อล้านบีทียูเหลือ 333 บาทต่อล้านบีทียู ส่งผลให้ค่าเอฟทีลดลงได้ 4.47 สตางค์ต่อหน่วยและทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 4.18 บาทต่อหน่วย
นายคมกฤช กล่าวว่า ครม.ยังเห็นชอบการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าของกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือนตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้กฟผ.การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ตรึงอัตราค่าไฟฟ้างวดเดือนมกราคม-เมษษายน2567 ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มดังกล่าวที่อัตรา 3.99 บาทต่อหน่วย โดยใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจากคณะรัฐมนตรี วงเงินรวม 1,950 ล้านบาท
“ทุนค่าไฟฟ้าในระยะต่อไปจะขึ้นกับราคาและปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงหลัก ดังนั้น สำนักงาน กกพ. ต้องติดตามความสามารถของการส่งก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยและการส่งก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในเมียนมาใกล้ชิด เพื่อให้มีการจัดหาแอลเอ็นจีเพิ่มเติมสอดคล้องกับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ มีเสถียรภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดโลก ทั้งนี้ ราคาค่าไฟฟ้าคงต้องคำนึงถึงภาระเอฟทีคงค้างที่ต้องส่งคืน กฟผ. และ ปตท. ในระยะเวลาที่เหมาะสมต่อไป จึงอยากให้ผู้ใช้ไฟฟ้ามีการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดการนำเข้าแอลพีจีและลดความผันผวนของราคาพลังงาน” นายคมกฤช กล่าว