เมื่อวันที่ 21 มกราคม นายโกเมน จินาวัลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวถึงกรณีที่พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีแนวนโยบายปรับห้องสมุดเป็นอิเล็กทรอนิกส์ แต่ต้องมีหนังสือพิมพ์ เหตุช่วยส่งเสริมการอ่านว่า เห็นด้วยกับแนวนโยบายการปรับเปลี่ยนห้องสมุดเป็นห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ เพราะจะช่วยให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ดียิ่งขึ้น และช่วยลดขนาดของห้องสมุดลง เนื่องจากหนังสือส่วนใหญ่ อยู่ในรูปแบบของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เพราะที่ผ่านมาตนได้มีการนำสารถความรู้แทบทุกอย่างภายในพื้นที่ทั้งเรื่องของประวัติของจังหวัด สถานที่ท่องเที่ยว รวมไปถึงเพลงเก่า นำมาทำในรูปแบบของคิวอาร์โค้ด เพื่อให้ประชาชนทุกช่วงวัยได้เข้าถึงข่าวสารความรู้ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นตามเทคโนโลยีและพฤติกรรมการอ่านของประชาชนในยุคปัจจุบัน แต่ยังไม่ทิ้งรูปแบบการอ่านแบบเก่า ซึ่งยังคงมีอยู่คือ “หนังสือพิมพ์” เพราะตนเชื่อว่าหนังสือพิมพ์ยังคงมีเสน่ห์ในการอ่านข้อมูลข่าวสาร นอกจากนี้ในหนังสือพิมพ์ 1 ฉบับนั้นนอกจากข่าวแล้วยังมีคอลัมน์อื่นๆ ให้อ่านอีก ทั้งบันเทิง กีฬา หรือข่าวสังคม เชื่อว่าเป็นการส่งเสริมการอ่านให้กับประชาชนโดยเฉพาะคนวัยกลางคน จนไปถึงคนสูงอายุ ซึ่งยังคงเห็นว่ากลุ่มคนเหล่านี้ยังคงอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“อย่างไรก็ตามการปรับเปลี่ยนห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์จำเป็นต้องใช้งบประมาณในการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ที่ใช้ เช่น คอมพิวเตอร์ ซึ่งบางแห่งยังคงใช้คอมพิวเตอร์รุ่นเก่าอยู่ และอีกเรื่องที่สำคัญสำหรับห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์คืออินเตอร์เน็ตเพราะปัจจุบันนี้ห้องสมุดยังใช้อินเตอร์ที่ยังช้าอยู่ไม่ได้ตอบสนองต่อการค้นหาของประชาชน จึงอยากฝากไปยังรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการให้มีการจัดสรรงบประมาณในการส่งเสริมห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับประชาชนได้ทุกเวลาและทุกช่วงวัย” นายโกเมน กล่าว
ด้านนายชินกร คะอังกุ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ตนเห็นด้วยกับนโยบายของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ต้องการให้ปรับห้องสมุดเป็นห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ และให้มีหนังสือพิมพ์เพื่อช่วยส่งเสริมการอ่าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ออนไลน์หรือหนังสือพิมพ์ที่เป็นกระดาษ ประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่มาใช้บริการห้องสมุดชุมชน ส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงระบบไอทีและเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้แล้ว แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่พร้อม หรือใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ค่อยเป็น จึงเลือกที่จะติดตามข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ที่เป็นกระดาษ หรือเรียนรู้จากการอ่านหนังสืออ่านตำราในรูปแบบเดิมอยู่ แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ตนก็เห็นด้วยที่จะส่งเสริมสนับสนุนประชาชนในเรื่องการอ่าน ซึ่งการอ่านในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ จะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก สามารถเปิดอ่านหาข้อมูลความรู้จากโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือจากคอมพิวเตอร์ได้เลย โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองกระดาษและไม่ต้องเข้ารูปเล่ม แต่ในส่วนของหนังสือพิมพ์ ถ้าจะไม่ของบประมาณจัดซื้อเพิ่ม ก็ต้องหมุนเวียนหนังสือพิมพ์ของห้องสมุดประชาชน สกร.อำเภอ ไปให้ศูนย์การเรียนชุมชนฯ หรือชุมชนได้ยืมอ่านบ้าง เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นและไม่ขัดต่อระเบียบการเบิกจ่าย
จึงอยากให้ทางกระทรวงฯ ปรับแก้ระเบียบการเบิกจ่ายบางประการที่ยังไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติในพื้นที่ อย่างเช่น มีระเบียบกำหนดว่าให้ซื้อหนังสือพิมพ์ไปไว้ประจำที่ห้องสมุดประชาชน ไม่สามารถจะซื้อไปไว้ที่ศูนย์การเรียนชุมชนหรือบ้านหนังสือชุมชนในแต่ละพื้นที่ได้ ถ้าจะของบประมาณมาซื้อก็คงจะยากและต้องรอนานเพราะมีงบประมาณอยู่จำกัดต้องบริหารจัดการงบประมาณที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ถ้าสามารถปรับแก้ระเบียบการเบิกจ่ายในเรื่องนี้ได้ การขับเคลื่อนนโยบายก่อจะเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่ง 32 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา มี “ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอ” หรือ สกร.อำเภอ อยู่อำเภอละ 1 แห่ง ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ.2566 ส่วนระดับตำบล มีอยู่ทั้งหมด 289 แห่ง ยังไม่มีประกาศกระทรวงให้เปลี่ยนชื่อ จึงยังใช้ชื่อว่า “กศน.ตำบล” อยู่เหมือนเดิม ซึ่งตอนนี้ กสร.อำเภอทั้ง 32 อำเภอ มีความพร้อมเรื่องการปรับห้องสมุดให้เป็นห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์และมีหนังสือพิมพ์ไว้ส่งเสริมการอ่านอยู่แล้ว เพราะมีครู กศน.ตำบลอยู่ทุกตำบล และมีครูศูนย์การเรียนชุมชนฯ กับมีภาคีเครือข่ายที่เป็นอาสาสมัคร กสร.อยู่ทุกพื้นที่ ถ้ากระทรวงฯ ให้แนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนมา ก็สามารถขับเคลื่อนตามนโยบายได้ทันที
“อย่างไรก็ตาม ห้องสมุด กสร.แต่ละอำเภอ จะมีสภาพและคามพร้อมไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับเครือข่ายที่เข้ามาสนับสนุน เรามีหนังสือ มีครู บางแห่งให้การสนับสนุนอย่างดี ยกพื้นที่ให้ สกร.จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านได้เลย แถมยังหากำลังคนและงบประมาณมาช่วย แต่บางแห่ง บ้านของผู้ใหญ่บ้านหรือศาลาประชาคมไม่พร้อม ขอใช้พื้นที่ไม่ได้ ก็ต้องปรับสภาพไปตามบริบทและความพร้อมที่มีอยู่ นอกจากนี้ เรื่องการปรับห้องสมุดให้เป็นห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ ยังมีปัญหาเรื่องระบบ WiFi เครือข่ายสัญญาณ ซึ่งห้องสมุดชุมชนที่อยู่ต่างอำเภอ ไกลจากเขตเมืองมักจะประสบปัญหาในเรื่องนี้อย่างมาก ส่วนเรื่องหนังสือพิมพ์ที่รับเข้ามา ต้องให้โอกาสและให้ทางเลือกกับคนทุกช่วงวัย โดยหนังสือพิมพ์ที่คนนิยมอ่าน จะเป็นไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน เป็นต้น ผู้ใหญ่หรือคนรุ่นเก่าจะหยิบอ่านมากกว่า ส่วนเด็กๆ รุ่นใหม่จะอ่านหนังสือพิมพ์อีเล็กทรอนิกส์แทน แต่ก็มีปัญหาตรงที่บางอำเภอร้านจำหน่ายหนังสือพิมพ์อยู่ไกลหรือไม่มีร้านจำหน่ายเลย ครูต้องไปหาซื้อในตัวอำเภอที่อยู่ห่างไกลออกไป และถ้าวันไหนครูต้องไปอบรมฯ หรือติดธุระ ก็จะไม่สามารถไปรับหนังสือพิมพ์มาได้ จึงอยากให้ทางกระทรวงฯ ช่วยหาแนวทางแก้ไขปัญหาทั้งเรื่องระบบ WiFi , ช่องทางการรับหนังสือพิมพ์ และปรับแก้ระเบียบการเบิกจ่ายบางประการให้ด้วย เพื่อเดินหน้านโยบายส่งเสริมการอ่านให้บรรลุผล” นายชินกร กล่าว