สะเทือนใจชาวบ้าน ลุง 65 หลอนยาบ้า อ้างเป็นยักษ์ บุกวัด ทุบทำลายพระพุทธรูป
เมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่ สภ.เมืองนครพนม พระมหาสมศักดิ์ นาถสกฺกโก (ปะทา) อายุ 36 ปี พรรษาที่ 15 เจ้าอาวาสวัดปราโมธอันทวัน หมู่ 4 ต.คำเตย อ.เมือง จ.นครพนม พร้อมด้วย นายทองไมค์ ดาแพง อายุ 54 ปี ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.คำเตย อ.เมือง และตัวแทนชาวบ้าน นำหลักฐานภาพวงจรปิด เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อ ร.ต.ท.(หญิง)ปาริฉัตต์ ทาบทอง รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อดำเนินคดีเอาผิดกับ นายหนูพันธ์ หรือเวียง อายุ 65 ปี เป็นชาวบ้านหมู่ 5 ต.คำเตย อ.เมือง จ.นครพนม
เนื่องจาก นายหนูพันธ์ มีพฤติกรรมติดยาเสพติด ประสาทหลอน คลุ้มคลั่ง บุกเข้าไปทุบทำลายพระพุทธรูป ภายในศาลาการเปรียญของวัด ได้รับความเสียหาย ประเมินค่าไม่ได้ เนื่องจากเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่มีคุณค่าทางจิตใจของชาวบ้านในพื้นที่ อีกทั้งยังพยายามทำร้าย พระสงฆ์ในวัด โชคดีไหวตัวหนีทัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 มกราคมา 2567 ที่ผ่านมา
ภายหลังได้ประสานเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง พร้อมนำภาพหลักฐานจากกกล้องวงจรปิด ในที่เกิดเหตุ มาเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียล เพื่อติดตามจับตัวคนก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย จนกระทั่ง ทางตำรวจ พร้อมผู้นำชุมชนหมู่บ้าน ได้ไปคุมตัวผู้ก่อเหตุ ไปสอบสวนดำเนินคดี
เบื้องต้น ตรวจสอบ พบว่ามีสารเสพติดในปัสสาวะ เนื่องจากเสพยาบ้ามาก่อน อีกทั้ง ยังพบประวัติติดยาเสพติดมานานกว่า 10 ปี หลายครั้งมีอาการคลุ้มคลั่ง ประสาทหลอน อ้างว่าตนเป็นยักษ์ จึงบุกเข้าไปทำลายพระพุทธรูปในวัด ระบายอารมณ์ จนชาวบ้าน พระสงฆ์ในวัดหวาดผวา เคยประสานเจ้าหน้าที่นำตัวไปตรวจรักษาฟื้นฟูหลายครั้ง สุดท้ายกลับมาเหมือนเดิม ครั้งนี้จึงต้องการร้องทุกข์ แจ้งความตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
สอบถาม นายทองไมค์ ดาแพง อายุ 54 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.คำเตย อ.เมืองนครพนม เปิดเผยว่า สำหรับ นายหนูพันธ์ หรือเวียง มีฐานะทางบ้านยากจน เคยแต่งงานมีครอบครัวได้ลูกเป็นหญิง 2 คน ภายหลังแยกทางกับภรรยา เพราะนิสัยชอบดื่มเหล้า หรืออาจไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด อาศัยทำงานรับจ้างทั่วไป ไม่มีประวัติรักษาด้านจิตเวช ก่อนเกิดเหตุทราบจากชาวบ้านละแวกใกล้เคียง ว่า นายเวียงไม่ได้หลับไม่ได้นอนมา 2-3 คืน จะพูดเพ้ออยู่คนเดียวว่าตนเองเป็นยักษ์ ก่อนที่จะบุกเข้าไปก่อเหตุทุบทำลายพระพุทธรูปในวัดเชื่อว่าเกิดจากประสาทหลอน โดยชาวบ้านได้มีการหารือประชุมลงมติ ว่าจะต้องมีการดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด ไม่ให้ก่อเหตุซ้ำ เพราะเป็นภัยสังคม
ส่วน พระมหาสมศักดิ์เจ้าอาวาส เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ อยู่กับพระลูกวัดอีก 2 รูป จนกระทั่งผู้ก่อเหตุบุกเข้ามา นำไม้เข้าไปทุบทำลายพระพุทธรูปในศาลาการเปรียญ ทำให้องค์พระพุทธรูปที่เสียหาย คงคิดเป็นมูลค่าไม่ได้ เพราะมีคุณค่าทางจิตใจของสาธุชน ช่วงเกิดเหตุไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากโทรแจ้งผู้นำชุมชน รวยมถึงโทรแจ้งทตำรวจมาระงับเหตุ อีกทั้งต้องหนีเอาชีวิตรอด เพราะมีพฤติกรรมจะทำร้ายพระสงฆ์ด้วย จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด ไม่ให้ก่อเหตุซ้ำอีก เพราะทั้งชาวบ้าน พระสงฆ์ ยังหวาดผวา
