อุกอาจ! ล่าคนร้าย ซิ่งจยย.สาดน้ำกรด ผู้ช่วยพยาบาลแม่ลูกอ่อน รถเสียหลักตกข้างทาง

อุกอาจ! ล่าคนร้าย ซิ่งจยย.สาดน้ำกรดผู้ช่วยพยาบาลแม่ลูกอ่อน รถเสียหลักตกข้างทางหวังชิงทรัพย์ โชคดีชาวบ้านช่วยทัน

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ร.ต.อ.พงษ์พิพัฒน์ ลิขิตโยธิน รอง สว.สอบสวน สภ.พิบูลย์รักษ์ อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี รับแจ้งเหตุจาก รพ.พิบูลย์รักษ์ ว่าผู้ช่วยพยาบาลห้องกายภาพบำบัด รพ.พิบูลย์รักษ์ ถูกคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์สาดน้ำกรดใส่ได้รับบาดเจ็บตามร่างกาย หลังออกเวรเวลา 20.00 น. ขณะผู้บาดเจ็บขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ไปตามเส้นทางบ้านแดง-บ้านดงยาง ห่างจากโรงพยาบาลประมาณ 1 กิโลเมตร คนร้ายขับขึ้นมาประกบด้านขวา แล้วสาดน้ำกรดใส่ผู้บาดเจ็บ จนรถจักรยานยนต์เสียหลัก และพุ่งตกลงข้างถนนฝั่งตรงข้ามได้รับบาดเจ็บ

โดยมีพลเมืองดีให้การช่วยเหลือแจ้งเหตุมาทางโรงพยาบาล คาดว่าเป็นเหตุพยายามชิงทรัพย์ ขณะนี้ผู้บาดเจ็บแพทย์และพยาบาลให้การช่วยเหลือรักษาอาการในห้องฉุกเฉิน จากพิษสงของน้ำกรด ที่ถูกตามใบหน้า แขนขวา และต้นขาทั้ง 2 ข้าง จนเสื้อผ้าขาดเป็นรูรุ่งริ่ง จึงรุดออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและที่โรงพยาบาล พร้อมด้วย พ.ต.ท.พิชิต เทพจันทร์ สว.สส.สภ.พิบูลย์รักษ์ ตำรวจชุดสืบสวน และตำรวจสายตรวจป้องกันและปราบปราม

ที่ห้องฉุกเฉินพบผู้บาดเจ็บชื่อ น.ส.วิภาวดี พาที หรือแป๋ว อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 19 หมู่ 15 บ้านดงยาง ต.บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี ทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลห้องกายภาพบำบัด รพ.พิบูลย์รักษ์ ได้รับบาดเจ็บเป็นรอยไหม้ที่ใบหน้า ตามร่างกาย แขนและขาทั้ง 2 ข้าง แต่ยังมีสติให้การได้เล็กน้อย หลังปฐมพยาบาลในเบื้องต้นเสร็จ ได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งรักษาอาการต่อที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี เนื่องจากน้ำกรดอาจทำลายเนื้อเยื่อดวงตาทั้ง 2 ข้าง อาจถึงขั้นพิการตาบอด หรือไม่ก็อาจจะมองเห็นไม่ชัด และเกรงว่าแผลอาจจะติดเชื้อถึงขั้นเสียชีวิตได้ ส่วนที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ของผู้บาดเจ็บ ยี่ห้อฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ สีดำ ทะเบียน 3 กฉ 7228 กทม. ล้มอยู่ข้างทาง ตำรวจจึงนำไปเก็บรักษาไว้ที่โรงพัก

ADVERTISMENT

ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.พิบูลย์รักษ์ เพื่อหาหลักฐาน และภาชนะที่ใส่น้ำกรดมาก่อเหตุ พบร่องรอยคราบน้ำกรดกัดพื้นผิวถนนขาออกตัว อ.พิบูลย์รักษ์ เป็นวงกว้าง มีร่องรอยรถจักรยานยนต์ผู้บาดเจ็บตกลงข้างถนนฝั่งตรงข้าม บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 204 หมู่ 13 บ้านแดง ต.บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ และพบรองเท้าหนังสีน้ำตาลของผู้บาดเจ็บหล่นอยู่ในที่เกิดเหตุ จำนวน 1 ข้าง แต่ไม่พบหลักฐานภาชนะที่ใส่น้ำกรดตกหล่นอยู่บริเวณที่เกิดเหตุเลย คาดว่าคนร้ายเก็บภาชนะที่ทนต่อการกัดกร่อนของน้ำกรด ที่ใช้ก่อเหตุกลับไปด้วย

ตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้าปั๊มน้ำมัน ที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร พบผู้บาดเจ็บกำลังขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้ากลับบ้าน โดยมีรถจักรยานยนต์คนร้ายขับตามมา ก่อนไปถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งมืดและไม่มีไฟส่องสว่าง ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐานในการไล่กล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่เข้ามาก่อเหตุและหลบหนี ส่วนรถจักรยานยนต์ของผู้บาดเจ็บ พบรองรอยไหม้ที่บริเวณด้านขวาของรถ เช่น ไฟท้าย เบาะรถ ป้ายทะเบียน กระจกมองข้าง เฟรมรถด้านขวาทั้งแถบ ถูกน้ำกรดกัดกร่อนจนเห็นได้ชัด

ADVERTISMENT

จากการสอบสวนผู้บาดเจ็บและสามี ในเบื้องต้นทราบว่า ผู้บาดเจ็บเพิ่งคลอดลูกสาวได้ 3 เดือน และเพิ่งมาทำงานได้ 2 สัปดาห์ หลังจากลาคลอดบุตร โดยไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใครมาก่อน ทั้งในที่ทำงานและข้างนอก ตำรวจจึงมุ่งประเด็นชิงทรัพย์ จากกลุ่มวัยรุ่นคึกคะนอง และคนป่วยจิตเวชจากยาเสพติด เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนใน อ.พิบูลย์รักษ์ หลังทราบว่าผู้บาดเจ็บได้กดเงินที่ตู้เอทีเอ็มหน้าโรงพยาบาล ก่อนขี่รถมุ่งหน้ากลับบ้าน ที่อยู่ห่างจากโรงพยาบาลประมาณ 7 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ทีมตำรวจชุดสืบสวนจะได้สอบปากคำผู้บาดเจ็บอีกครั้ง เพื่อหาเบาะแสในการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายคำพล กองรอด อายุ 62 ปี พลเมืองดี เล่าว่า ขณะตนกำลังให้ข้าวสุนัข บริเวณหลังบ้านที่กำลังปลูกสร้างใหม่ ได้ยินเสียงรถชนกัน จึงวิ่งออกมาดูพร้อมกับสวมโคมไฟที่ศีรษะ และได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลืออยู่ร่องข้างถนนหน้าบ้านที่มืดมาก และพบคนร้ายเป็นชายรูปร่างผอม ผิวดำแดง สวมเสื้อคลุมแบบมีฮู้ดคลุมศีรษะไว้ ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดพยายามเดินลงไปผู้บาดเจ็บในร่องข้างถนน พอเห็นตนคนร้ายก็ขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไปทางบ้านดงยางอย่างช้าๆ ถามก็ไม่ตอบ และคนร้ายคงโกรธตนที่ออกมาพบเห็นเหตุการณ์ก่อน จึงให้ภรรยาโทรแจ้ง 1669 มารับผู้บาดเจ็บส่ง รพ.พิบูลย์รักษ์

”สอบถามผู้บาดเจ็บบอกว่า ไม่ใช่เหตุรถชนกัน แต่ผู้ชายคนดังกล่าวไม่รู้เอาอะไรฟาด หรือสาดใส่ตนขณะขี่รถ จนทำให้รถเสียหลักตกลงข้างทาง และมีอาการปวดแสบปวดร้อนทั่วร่างกาย จึงทำให้ตนมั่นใจว่า คนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์สินของผู้บาดเจ็บเป็นแน่ หากตนไม่ออกมาพบเห็นก่อน ไม่รู้ว่าผู้บาดเจ็บจะเป็นอย่างไร มันคงจะลงไปชิงเอาทรัพย์สินของผู้บาดเจ็บ และหากขัดขืนคงถูกทำร้ายซ้ำอย่างแน่นอน ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ใน อ.พิบูลย์รักษ์ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก และไม่คิดว่าคนร้ายจะใช้น้ำกรดสาดใส่ผู้บาดเจ็บที่เป็นผู้หญิงแบบนี้”

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง รพ.ศูนย์อุดรธานี เพื่อพบกับ จ.ส.อ.พัทธกร พันสาย อายุ 43 ปี สามีผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ตนแต่งงานอยู่กินกับภรรยามาได้ 10 ปี และภรรยาเพิ่งคลอดลูกสาวได้ 3 เดือน หลังจากตนแยกทางกับภรรยาคนเก่า และแยกทางจากกันไปด้วยดี และมั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับภรรยาของตนนั้น หลังตนสอบถามภรรยาแล้ว ตนเชื่อว่าเป็นการหวังชิงทรัพย์ของวัยรุ่นคึกคะนอง หรือไม่ก็พวกจิตเวช ที่เห็นผู้หญิงขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านตามลำพัง ไปตามทางที่เปลี่ยวและมืด ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องชู้สาว หรือภรรยาตนไปมีเรื่องบาดหมางแค้นส่วนตัวกับคนอื่นอย่างแน่นอน เพราะภรรยาตนเพิ่งคลอดลูกสาวได้เพียง 3 เดือน และขณะนี้ภรรยาตนปลอดภัยดีและให้การได้ แต่ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีกสักระยะ เห็นหมอบอกว่าน้ำกรดทำลายเนื้อเยื่อดวงตาไปบางส่วน ส่งผลให้อนาคตอาจมองเห็นได้ไม่ชัดเหมือนก่อน

”อยากให้ตำรวจช่วยติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพราะมันเป็นภัยอันตรายต่อสังคมชาว อ.พิบูลย์รักษ์ เป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน และอยากถามคนร้ายว่า ทำไมถึงใช้น้ำกรดก่อเหตุกับภรรยาของตน ภรรยาไปทำอะไรให้ ทำไมถึงใจร้ายทำกับภรรยาตนได้ถึงเพียงนี้ ซึ่งตนก็อยากบอกถึงผู้หญิงที่ขับขี่รถไปตามทางที่เปลี่ยว และมืดในเวลากลางคืน ไม่ควรไปไหนมาไหนตามลำพัง ควรมีเพื่อนไปด้วย เพื่อเป็นการป้องกันการก่อเหตุของคนร้ายในเบื้องต้น”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image