ผู้ปกครอง รับไม่ได้ บ่อนพนันปาเป้าปาโป่ง เกลื่อนงานกาชาดศรีสะเกษ ร้อง “เศรษฐา-อนุทิน” ช่วยตรวจสอบ

ผู้ปกครอง รับไม่ได้ บ่อนพนันปาเป้าปาโป่ง เกลื่อนงานกาชาดศรีสะเกษ ร้อง “เศรษฐา-อนุทิน” ช่วยตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองของเด็กนักเรียนรายหนึ่งว่า ที่บริเวณหน้าที่ว่าการ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานสืบสานประเพณีสี่เผ่าไทรวมน้ำใจเพื่อชาวขุขันธ์และกาชาด อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ กำหนดจัดงานนี้ขึ้นระหว่างวันที่ 28 มี.ค.- 5 เม.ย.2567 รวม 9 วัน 9 คืน โดยมีการแสดงคอนเสริต์ของนักดนตรีชื่อดังจำนวนมาก และการจำหน่ายสินค้าโอท็อป (OTOP) ซึ่งปรากฏว่า ในการจัดงานครั้งนี้ได้มีบรรดาพ่อค้าแม่ค้าพากันมาออกร้านเปิดให้เล่นการพนัน เช่น ปาโป่ง ปาเป้า ยิงตุ๊กตา ขึ้นป้ายขายยิงเป้า 1 ชุด ชุดละ 20 บาท 10 ลูก 3 ชุด 50 บาท สะสมตัวเล็กแลกตัวใหญ่

โดยการเล่นปาเป้าจะกำหนดราคาตามขนาดตัวตุ๊กตา เช่น 3 ดอก 20 บาท, 1 ชุด 20 บาท, 3 ชุด 50 บาท , โยนตก 1 กระป๋องรับ 1 ตัว 20 บาท เป็นต้น ซึ่งปรากฏว่า มีเด็กและเยาวชนเข้าไปเล่นพนันปาเป้าและยิงเป้าเพื่อหวังเอารางวัลตุ๊กตาขนาดใหญ่กันอย่างคึกคัก โดยมีร้านลักษณะเดียวกันนี้ จำนวนประมาณ 15 ร้าน มีเด็ก เยาวชน และประชาชน เดินเข้ามาเล่นการพนันดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง แต่ว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบและจับกุมการเล่นพนันปาโป่ง ปาเป้า ยิงตุ๊กตา ซึ่งเป็นการแอบแฝงในการเปิดเล่นการพนันแต่อย่างใด ทั้งที่สถานที่เปิดเล่นพนันดังกล่าวอยู่หน้าที่ว่าการ อ.ขุขันธ์ ประมาณ 50 เมตร และอยู่ห่างจาก สภ.ขุขันธ์ประมาณ 100 เมตรเท่านั้น

นายกัน (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ผู้ปกครองเด็กนักเรียนคนหนึ่ง กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่า เพราะเหตุใดในการจัดงานครั้งนี้ จึงได้ปล่อยให้เด็กนักเรียน และเยาวชนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เข้าไปเล่นพนันกันอย่างเปิดเผยแบบนี้ ตนไม่ทราบว่า ผู้มีอำนาจอนุญาตได้มีการอนุญาตให้มีการเล่นพนันปาเป้า ปาโป่ง ในงานนี้หรือไม่อย่างไร เนื่องจากว่าหากมีการขออนุญาตเล่นพนันจริง ควรที่จะนำเอาใบอนุญาตมาปิดไว้อย่างเปิดเผยว่าได้รับอนุญาตแล้ว อีกทั้งตามใบอนุญาตด้านหลังจะมีเงื่อนไขการอนุญาตว่า ผู้ได้รับอนุญาตจะต้องไม่ปล่อยปละละเลยให้ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเข้าไปเล่นการพนันอย่างเด็ดขาด ซึ่งการจัดงานนี้มีการปล่อยให้เด็กและเยาวชนเข้าไปเล่นพนันปาเป้าปาโป่งอย่างโจ่งครึ่มเย้ยกฎหมาย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไม่ได้มีการจับกุมแต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่ผิดกฎหมายชัดเจน ที่สำคัญคือมีเด็กเข้าไปเล่นพนันด้วย ซึ่งไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะมากับผู้ปกครองก็ตาม การปล่อยปละละเลยเช่นนี้ตนไม่ทราบว่าหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่อย่างไรนายกันกล่าวต่อว่า ตนและประชาชนชาว อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษที่รักความถูกต้อง จึงขอร้องเรียนไปยัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงมหาดไทย นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ รวมทั้งทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องว่า ขอให้ลงมาตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยว่า ร้านปาเป้า ปาโป่งในการจัดงานครั้งนี้ได้มีการขออนุญาตถูกต้องและปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร หากพบว่า ไม่มีการขออนุญาตถูกต้องตามกฏหมายขอให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด และหากพบว่า มีผู้ใดเข้าไปเอี่ยวมีผลประโยชน์ในทางมิชอบในครั้งนี้ ขอให้ดำเนินการทางวินัยและอาญาสถานหนักด้วย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีในการมอมเมาเด็กและเยาวชนอีกต่อไป ซึ่งบริเวณหน้าที่ว่าการ อ.ขุขันธ์ แห่งนี้ มีการปล่อยปละละเลยให้มีการเล่นพนันลักษณะนี้เป็นประจำ เมื่อมีการร้องเรียนเรื่องนี้ขึ้นมา เจ้าหน้าที่ก็จะเข้าไปทำการจับกุมและจะนำเอาผู้ประกอบการไปปรับเป็นเงินเพียงไม่กี่บาท จากนั้นก็จะปล่อยให้มาเปิดร้านเล่นพนันมอมเมาเด็กและเยาวชนต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการปาเป้า ปาโป่ง บิงโก เป็นผู้มีอิทธิพลเหนือ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จึงไม่หวั่นเกรงกฎหมาย มักจะอ้างว่าเคลียร์กับ หน.ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทุกส่วนแล้ว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า การปล่อยให้มีการจัดการเล่นการพนันเอาทรัพย์สินกัน เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมาตรา 4 และมาตรา 4 ทวิ ประกอบมาตรา 5 และมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.การพนัน 2478 ซึ่งตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12 ได้บัญญัติว่า “ผู้ใดจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรง หรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน หรือรับอนุญาตแล้ว แต่เล่นพลิกแพลง หรือผู้ใดเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่น อันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎกระทรวงนั้น” ลักษณะยิงเป้า ปาลูกโป่ง ปิงโก เป็นการพนันบัญชี ข. มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป จนถึง 3 ปี ปรับตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไปจนถึง 5,000 บาท และตามมาตรา 7 (3) ระบุว่า ห้ามไม่ให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ หรือไม่บรรลุนิติภาวะเข้าไปเล่นด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image