เจ้าของผับดังพิจิตร ที่เกิดเหตุทำร้ายนักเที่ยวสาว ออกมาขอโทษสังคม ยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย

ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรสั่งตำรวจภูธรจังหวัดและนายอำเภอเมืองพิจิตรรายงานข้อเท็จจริงเร่วด่วน สาวเที่ยวผับถูกเจ้าของร้านทำร้าย ขณะเจ้าของผับดัง ที่เกิดเหตุทำร้ายนักท่องเที่ยวสาวออกมาขอโทษสังคม และยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย

เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2567 นายอดิเทพ กมลเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าจากกรณีที่ ข่าวและมีคลิป หญิงสาวอายุ 19 ปีเข้าไปเที่ยวสถานบริการ(กึ่งผับ)แห่งหนึ่งในจังหวัดพิจิตร และถูกเจ้าของร้านทำร้ายร่างกายตามคลิปที่ปรากฏตามข่าวและสื่อโซเชียลต่างๆโดยวันนี้ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร และนายอำเภอเมืองพิจิตร ดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงและรายงานมายังผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีผลกระทบต่อภาพรวมของจังหวัด เพื่อที่จะได้ประเมินพิจารณา ความผิดของ ผับดังกล่าวว่าเข้าข่าย มีความผิดอะไรบ้าง ซึ่งความผิดนั้นอาจจะมีตั้งแต่ สั่งพักใบอนุญาตหรือให้สั่งปิดกิจการชั่วคราวตั้งแต่ 7 วันหรือ 15 วัน หรืออาจจะเป็น ให้ปิดกิจการ 5 ปี นอกจากนี้การจำหน่ายสุราหรือเครื่องแอลกอฮอล์แก่เด็กต่ำกว่า 20ปีนั้นยังมีกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข และสรรพสามิตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้จะได้ประเมินแล้วก็สรุปถึงความผิดดำเนินแก่ร้านผับดังกล่าวอย่างเร่งด่วนต่อไป

ทางด้านนายศุภเมศฐ์ หรือเบิร์ด เจ้าของร้าน เล่าว่าตนเองนั่งอยู่บริเวณเวทีดนตรีอยู่ๆไฟก็เปิดขึ้นซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนนักดนตรีบอกว่ามีการทะเลาะกันตนเองจึงเดินไปดูและพยามห้ามปราบคู่กรณีทั้งสองฝ่าย แต่น้องคนที่แจ้งความว่าตนเองทำร้ายกลับทุบขวดเบียร์ของโต๊ะข้างๆซึ่งเป็นของแขกจนเป็นปากฉลามและจะแทงตนเองที่เข้าไปห้ามปราม ทำให้ตนเองเกิดความโมโหที่เป็นเจ้าของร้านและเข้าไปห้าม ยังจะถูกแทง แต่อย่างไรก็ตามตนเองยอมรับผิดที่กระทำเกินเลยไปเนื่องจากบันดาลโทสะ

นางภัคธินันท์ ภรรยา เจ้าของร้าน กล่าวว่า ทางร้านรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพยามห้ามไม่ให้ทะเลาะกันและเป็นกฎระเบียบของทางร้าน และทางร้านก็เป็นร้านอาหารธรรมดา ที่มีแขกมารับประทานอาหารและฟังเพลง จึงไม่มีการจ้างการ์ดมาดูแล และไม่ค่อยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาก่อน หรือเกิดขึ้นบ่อย แต่การที่ทั้งสองกลุ่ม มาทะเลาะกันในร้าน เป็นการสร้างความเสียหายให้กับร้านและแขกที่ตั้งใจมาพักผ่อน ซึ่งหลังเกิดเรื่อง ก่อนที่จะเป็นข่าวทางร้านก็มีการนัดเจรจากับทั้งสองฝ่ายเพื่อเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิจิตร ซึ่งทั้งหมดก็ตกลงที่จะจบกันด้วยดี แต่ตนเองพลาดที่ไม่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้ เนื่องจากไม่ค่อยได้มีเรื่องราวกับตำรวจมากนัก และก่อนจากกันยังได้ให้เบอร์โทรทิ้งไว้หากต้องการอะไรก็ให้แจ้งมา แต่ก็ไม่มีใครติดต่อมาจนกระทั่งตนเองเห็นข่าว

Advertisement

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง

 

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image