เสียหาย 200 ล้าน ไฟไหม้โรงงานรีไซเคิลกระดาษอัดก้อน เร่งหาเหตุเพลิงไหม้

ระดมรถสูบน้ำและกำลังคน เข้าระงับเหตุเพลิงไหม้กองขยะรีไซเคิลคาดใช้เวลากว่า 3 วัน ส่วนความเสียหายราวๆ 200 ล้านบาท

จากกรณีเหตุไฟไหม้กองกระดาษรีไซเคิลที่เก็บกองอยู่ภายนอกอาคาร (กลางแจ้ง) ของบริษัท คอวิน อินดัสทรี่ จำกัด ตั้งอยู่หมู่ 6 ต.นาโคก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นโรงงานผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษ เคมีภัณฑ์ และพลาสติก บนเนื้อที่ที่ใช้เก็บกองกว่า 11 ไร่ ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 30 เมษายน (เวลาประมาณ 17.00 น.) ที่ผ่านมานั้น

ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น.ของวันที่ 1 พฤษภาคม ภายใต้การอำนวยการของ นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่ได้มอบหมายให้ ร.ต.ประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ร่วมด้วย ร.ต.ต.สัณฐิติ ธรรมใจ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมกับ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สิทธิโชคธรรม ผกก.สภ.บางโทรัด นายราชศักดิ์ มากสัมพันธ์ นายก อบต.นาโคก นายนพพร พันธ์เพิ่มพูนกูล ผู้จัดการโรงงาน เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทั้งจากในจังหวัดสมุทรสาคร กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 1 ปทุมธานี และพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงทั้งจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ในจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม กรุงเทพฯ ราชบุรี และพื้นที่อื่นๆ สนับสนุนกำลังทั้งรถดับเพลิงและกำลังเจ้าหน้าที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาระงับเหตุ แต่เนื่องจากข้อจำกัดของพื้นที่ภายในโรงงาน จึงไม่สามารถนำรถดับเพลิงเข้ามาได้ทั้งหมด ต้องให้บางส่วนจอดรออยู่ด้านนอก เพื่อรอสับเปลี่ยนกับรถที่อยู่ด้านใน

Advertisement

ทั้งนี้ แผนปฏิบัติกาฯเพื่อยุติเหตุไฟไหม้กองกระดาษรีไซเคิลครั้งใหญ่นี้ ทางนายอำเภอเมืองสมุทรสาครก็ได้ประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์ในขณะนี้ เพลิงไหม้เต็มพื้นที่แล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมบางส่วนไว้ได้ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีเครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล 3 กิโลเมตร จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 1 เข้ามาเสริมเพื่อช่วยสูบน้ำจากคลองสาธารณะที่อยู่ห่างออกไป ส่งเข้าไปยังท่อฉีดน้ำดับเพลิงของรถทุกคันที่จะกระจายอยู่รอบทิศทาง โดยจะใช้วิธีการฉีดน้ำแบบโอบล้อม พร้อมกันนี้ก็จะมีการนำรถแบ๊กโฮเข้ามาเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้รถแบ๊กโฮขุดคุ้ยกองกระดาษที่ถูกอัดเป็นแท่ง ให้แตกออกจากกัน แล้วเจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็ฉีดน้ำตามลงไป น้ำจะได้กระจายตัวและลงไปถึงด้านล่างทำให้การดับเพลิงมีประสิทธิผลตามที่ได้วางแผนไว้

Advertisement

จากการคาดการณ์ของหัวหน้าชุดดับเพลิงคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 3 วัน ก็จะสามารถดับเพลิงทั้งหมดนี้ให้สงบลงได้ ซึ่งความยากของการดับไฟในครั้งนี้ นอกจากจะขึ้นอยู่กับปริมาณกระดาษรีไซเคิลที่มีอยู่เป็นจำนวนมากแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและกำลังของเจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงที่ต้องทำงานกลางแดดที่ร้อนระอุ อีกทั้งยังมีลมพัดมาเป็นระยะๆ และปริมาณน้ำด้วย แต่ถ้าได้น้ำจากคลองสาธารณะเข้ามาเติมแบบไม่มีขีดจำกัด ก็จะทำให้การฉีดน้ำเป็นไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น

ส่วนพื้นที่ชุมชนด้านนอกโรงงาน ได้สั่งการให้ทาง อบต.นาโคก จัดเจ้าหน้าที่ลงสำรวจผลกระทบที่เกิดกับชาวบ้าน ซึ่งเบื้องต้นมีบ้านเรือนประชาชนอยู่ 3 หลังคาเรือน ที่อยู่ห่างจากรั้วโรงงานออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร อาจจะมีได้รับผลกระทบในเรื่องของกลิ่นและฝุ่นละออง โดยเฉพาะเรื่องของฝุ่นที่อาจจะฟุ้งกระจายไปได้ทั่วและไปได้ไกลกว่า 1 กิโลเมตรนั้น จะต้องรอการสรุปผลจากทางเจ้าหน้าที่ อบต.นาโคกอีกครั้งหนึ่ง แต่เรื่องของมลพิษทางน้ำที่ไหลออกจากโรงงาน เชื่อได้ว่าไม่มีผลกระทบกับชาวบ้าน เพราะไม่มีคลองสาธารณะที่ติดกับโรงงาน และกระดาษรีไซเคิลเหล่านี้ก็ไม่ใช่สารเคมี แต่อย่างไรก็จะต้องมอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อม เข้ามาตรวจสอบต่อไป ขณะที่สาเหตุของการเกิดเพลิง ก็ต้องรอให้เจ้าหน้าที่วิทยาการจากกองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบยืนยันความชัดเจนต่อไป

นายนพพร พันธ์เพิ่มพูนกูล ผู้จัดการโรงงาน เล่าว่า โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่โดยรวมทั้งหมดราวๆ 48 ไร่ แบ่งเป็นโซนตัวอาคารที่ใช้เป็นสำนักงานและกระบวนการผลิต 36 ไร่ ส่วนที่เหลืออีก 11 ไร่ เป็นพื้นที่โล่งภายนอกอาคารใช้สำหรับเก็บกองกระดาษรีไซเคิลที่รับซื้อมาจากประเทศในแถบยุโรป หลังจากนั้นก็จะนำมาคัดแยก แล้วนำมาปั่นเอาเยื่อกระดาษ แล้วอัดเป็นก้อนส่งไปขายยังประเทศต่างๆ เพื่อนำไปทำกระดาษประเภทต่างๆ ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้

โดยตรงส่วนที่เกิดเหตุเพลิงไหม้มีกระดาษรีไซเคิลทั้งหมด 26 กอง กองละประมาณ 1,000 ตัน แต่ละกองก็จะมีกระดาษรีไซเคิลอัดเป็นก้อนๆ ถูกมัดด้วยลวด แต่ละก้อนจะมีน้ำหนักตั้งแต่ 500-1,000 กิโลกรัม ซึ่งเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวานที่ผ่านมา โดยขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่พนักงานทำโอทีกันภายในตัวอาคารโรงงาน จึงไม่มีใครอยู่ตรงที่เกิดเหตุ แต่มีพนักงานเห็นว่ามีกลุ่มควันเกิดขึ้นตรงกองที่ 3 นับจากด้านหน้าเข้าไป ก็เลยช่วยกันนำถังดับเพลิงเข้าไปฉีดแล้ว แต่ไม่สามารถดับได้ จึงใช้หัวฉีดน้ำที่ทางบริษัทได้วางระบบไว้รอบทิศทาง ก็ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้เช่นเดียวกัน เพราะว่ากระดาษเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี และไฟเกิดจากทางด้านล่างของกองกระดาษ ประกอบกับมีลมพัดมาทำให้เปลวเพลิงลุกลามกระจายตัวไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นทางบริษัทจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของ อบต.นาโคก เข้ามาฉีดน้ำ แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมได้อยู่ดี ก็เลยต้องประสานขอรถน้ำดับเพลิงจากหลายพื้นที่เข้ามาช่วย ซึ่งสุดท้ายก็ไม่สามารถดับไฟลงได้ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึง ณ ขณะนี้ และยังคงลุกลามไปทั่วบริเวณจนไหม้ทั้งหมด ส่วนมูลค่าความเสียหายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 180-200 ล้านบาท

นายนพพรกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ทางบริษัทต้องขอขอบคุณกำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ได้มาช่วยกันดับเพลิงในครั้งนี้ ซึ่งทางบริษัทก็พร้อมสนับสนุนกำลังเสริมทั้งคนและเครื่องอุปโภค บริโภค เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ    

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image