คุมเพลิงไหม้รง.เก็บสารเคมีภาชีได้แล้ว แต่ควันคลุ้งเหม็นไกล100ม. สธ.ชี้ยังไม่อันตราย

ควบคุมเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมี อ.ภาชีได้แล้ว แต่ควันยังคลุ้ง ส่งกลิ่นหม็นไกล 100-300 เมตร เบื้องต้นในสภาพอากาศถือว่ายังไม่เป็นอันตรายมาก สาธารณสุขจังหวัดเร่งลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ได้รับผลกระทบ

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์เพลิงไหม้โรงงานเก็บสารเคมี ที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่ยังคงมีกลุ่มควันสีขาวคละคลุ้งอยู่ภายในโกดังเล็กน้อย และส่งกลิ่นเหม็นในระยะ 100 เมตร

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Advertisement

นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ได้ประสานไปยังกรมชลประทานเพื่อขอเปิดการระบายน้ำ ให้เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยานำรถสูบส่งระยะไกล เข้าสูบน้ำและนำรถกระเช้าดับเพลิงสูง 90 เมตร เข้ามายิงน้ำระดับสูงเพื่อฉีดด้านบน ลงมาสู่พื้นผิวด้านล่างตรงจุดที่ไฟไหม้บริเวณโกดัง 4-5 เนื่องจากด้านในโกดังมีสารเคมีหลายชนิดและมีสารกัดกร่อนชนิดเข้มข้น สามารถกัดพื้นผิวรองเท้าเสื้อผ้าขาดได้ทำให้เจ้าหน้าที่ทางภาคพื้นล่างเข้าทำงานได้ยากลำบาก

นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 4 เผยเพลิงไหม้สารเคมีในพื้นที่ขณะนี้ยังคงส่งกลิ่นเหม็นในระยะ 100-300 เมตร และทิศทางลมที่พัดพาไป ซึ่งทางสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยาร่วมกับโรงพยาบาลภาชีตั้งศูนย์เฉพาะกิจ ให้เป็นศูนย์บัญชาการชั่วคราว ที่หน้าโรงพยาบาลภาชี

Advertisement

และในส่วนของโรงพยาบาลภาชี ได้มีการปิดทำการชั่วคราว ส่วนผู้ป่วยที่อยู่โรงพยาบาล มีคนไข้ทั้งหมด 35 ราย ซึ่งทางโรงพยาบาลได้จำหน่ายกลับบ้านทั้งหมด 17 ราย ส่วนอีก 18 รายได้เคลื่อนย้ายส่งรักษาต่อสามโรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ส่วนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบ เราได้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามไว้ที่วัดโคกม่วง อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ส่วนควันหรือมลพิษที่เกิดขึ้นในสภาพอากาศนั้น เราได้ประสานทางกรมควบคุมมลพิษนำรถเข้ามาตรวจสภาพอากาศ ซึ่งเบื้องต้นในสภาพอากาศถือว่ายังไม่เป็นอันตรายมาก แต่ในบริเวณโรงงานจุดที่เพลิงไหม้มีค่ามลพิษที่สูงมาก

นพ.ปรีชา เปรมปรี สาธารณสุข​นิเทศ​ก์​ เขต​สุขภาพ​ที่​ 4​ เปิดเผยว่า หลังจากโกดังสารเคมีถูกไฟไหม้ก็มีมลพิษในอากาศจึงได้มีการนำรถตรวจสภาพอากาศเคลื่อนที่มาจัดตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาลภาชีเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า บริเวณใดมีค่าอากาศมลพิษสูงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะมีผลกระทบกับทางเดินหายใจ ระคายเคืองผิวหนัง และแสบตา

“วิธีการป้องกันอันดับแรกจะต้องนำตัวเองออกจากพื้นที่ที่อันตราย และป้องกันโดยการใส่แมสก์แต่แมสก์ก็ถือว่าช่วยได้น้อย ซึ่งยังไม่มีการได้รับรายงานว่ามีผู้ได้รับผลกระทบ ทางสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะส่งทีมงานลงไปยังพื้นที่ เพื่อตรวจสอบว่ามีใครได้รับผลกระทบหรือไม่ โดยเฉพาะเด็ก คนแก่ และกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง เพื่อตรวจสุขภาพ ซึ่งบางรายอาจจะต้องมีการเจาะเลือดเพื่อติดตามผล” นพ.ปรีชากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image