สลด! ชายวัย 70 เสียชีวิตเกยตื้น หลังออกหาปลาในเขื่อน คาดว่ายน้ำหนีช้างป่าจนหัวใจวาย

สลด! พบชายวัย 70 เสียชีวิตเกยตื้น หลังออกหาปลาในเขื่อน คาดว่ายน้ำหนีช้างป่าจนหัวใจวาย

เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 13 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ได้รับแจ้งว่าพบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ติดเกาะเกยตื้น อยู่ที่เกาะทรัพย์ดงเย็น ภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนระบำ หมู่ 11 ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี จึงลงตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยต้องใช้เรือในการเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุจากฝั่งระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งการเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากพบศพช่วงกลางดึก โดยที่เกิดเหตุบริเวณริมชายฝั่งอ่างเก็บน้ำ พบศพชายทราบชื่อคือ นายกล่ำ ชาวหล่ม อายุ 70 ปี เป็นชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 18 บ้านเขาไม้นวล ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี สภาพศพไม่สวมเสื้อ ใส่กางเกงขาสั้น ห่างออกไป 100-200 เมตร พบกระติกใส่ปลา แห และเสื้อของผู้ตาย นอกจากนี้ ยังพบรอยเท้าของช้างอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย

จากการสอบถาม นายสัมฤทธิ์ สงชุมแสง อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกันกับผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายนั้นได้ออกไปหาปลาตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งการออกหาปลารอบนี้ผู้ตายก็ได้นัดหมายกับตนไว้ก่อนหนึ่งวันว่าจะชวนกันไปหาปลาในช่วงเช้ามืดของวันเกิดเหตุ แต่ว่าตนนั้นไปไม่ทัน จึงได้ไปหาปลาที่อื่นแทน ก่อนมาทราบว่าผู้ตายได้ออกไปหาปลาพร้อมกับเพื่อนต่างหมู่บ้านคือ นายคำพัน ขุนประเสริฐ อายุ 67 ปี โดยตอนนี้ยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่นอนว่าวันนั้นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ซึ่งคงต้องรอฟังคำบอกเล่าจากนายคำพันก่อนว่าวันนั้นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่

Advertisement

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดโป่งสามสิบ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ซึ่งใช้เป็นสถานที่ในการจัดงานศพของผู้ตาย โดยได้พบกับภรรยาของผู้ตาย คือ นางลำไย พุฒิจรูณ อายุ 70 ปี ได้เปิดเผยว่า นายกล่ำได้ออกไปหาปลากับเพื่อนที่ชื่อนายคำพัน ซึ่งก็เคยไปด้วยกันอยู่เป็นประจำ ซึ่งเสียใจที่มารู้ว่าสามีของตนเสียชีวิตแล้วหลังจากที่ออกไปหาปลาแล้วไม่ได้กลับมาบ้านเหมือนเช่นทุกวัน และยังมีความสงสัยว่าเหตุใดนายคำพันจึงกลับมาก่อน และไม่ยอมมาแจ้งให้ตนทราบ เบื้องต้นมีการคาดการณ์การเสียชีวิตของสามีโดยแพทย์ เกิดจากหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากการว่ายน้ำหนีช้างจากอีกฝั่งหนึ่งจนเหนื่อยล้า จนหัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

ซึ่งจากการสอบถามนายลา ศรีสวัสดิ์ อายุ 66 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่พบศพของนายกล่ำ เล่าว่า ตนได้โทรศัพท์สอบถามภรรยาของนายกล่ำผู้เสียชีวิตว่านายกล่ำกลับมาบ้านแล้วหรือไม่ พอทราบว่านายกล่ำยังไม่กลับบ้าน จึงได้รวบรวมคนในหมู่บ้าน และเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ออกไปช่วยกันตามหา จนพบว่านายกล่ำนั้นเสียชีวิตแล้ว ส่วนเพื่อนอีกคนชื่อนายคำพัน ที่ออกมาจากจุดเกิดเหตุได้ก่อนนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ซึ่งแจ้งว่ามีอาการเป็นลม จึงพายเรือมาที่ฝั่ง พร้อมกับให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ก่อนเกิดเหตุตัวนายคำพันนั้น ได้แยกออกไปหาปลาอยู่คนละที่กับผู้ตาย โดยลักษณะที่พบศพนั้น นอนเกยฝั่งอยู่คล้ายคนเป็นลมแล้วหมดสติไป จึงเชื่อว่านายกล่ำน่าจะหนีช้างและว่ายน้ำข้ามมาอีกฝั่งด้วยความตกใจ เพราะมีร่องรอยของเท้าช้างอยู่ที่เกิดเหตุ ส่วนข้าวของที่นำไปด้วย เช่น แหและข้าวที่ห่อไปก็อยู่อีกฝั่งหนึ่ง จึงทำให้มั่นใจว่านายกล่ำต้องวิ่งหนีช้างมาอย่างแน่นอน เนื่องจากผู้ที่เคยหาปลาบริเวณดังกล่าวต่างก็เคยเห็นช้างฝูงใหญ่ออกมาในช่วงเย็นเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน

ขณะที่ทางญาติและลูกชายของผู้เสียชีวิต ได้พากันนั่งเรือไปทำพิธีเชิญวิญญาณตามความเชื่อ โดยมี เจ้าอาวาสวัดโป่งสามสิบ เป็นผู้นำการประกอบพิธีดังกล่าว โดยให้มีการจุดธูปเทียนขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาคุ้มครอง พร้อมกับให้ลูกชายของผู้ตายนั้น จุดธูปบอกกล่าวและเรียกชื่อผู้เสียชีวิต จากนั้นให้เผาเทียน ธูป สายสิญจน์ และดอกไม้ เพื่อให้ผู้ตายตัดขาดจากที่เสียชีวิต และรับรู้ว่าตนเองตายแล้ว ก่อนที่ทางเจ้าอาวาส จะหยิบดินตรงที่ผู้ตายนอนเสียชีวิต ก่อนให้เหรียญ 5 บาท แก่ลูกชาย ซึ่งมีความหมายถึงขันธ์ 5 ตามความเชื่อของคนแถบนี้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image