ผู้ว่าฯ รับ ข่าวรั่วทำยึดคืนที่ดินโรงเตี๊ยมล้มเหลว ยันเป็นพท.ป่าห้ามก่อสร้าง ฝาก ปชช.อย่าหลงเชื่อข่าวลือ

ผู้ว่าฯยอมรับ ข่าวรั่วทำยึดคืนที่ดินโรงเตี๊ยมล้มเหลว ยันเป็นพท.ป่าห้ามก่อสร้าง ฝาก ปชช.อย่าหลงเชื่อข่าวลือ

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการบุกรุกที่ดินบริเวณที่ตั้งโรงเตี้ยมเดิมบนภูทับเบิก ต.วังบาล อ.หล่มเก่าว่า ทางจังหวัดฯก็พึ่งได้รับทราบข้อมูลทางสื่อเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมาเช่นกัน โดยเมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ทางคณะเจ้าหน้าที่ทั้งป่าไม้, กอ.รมน.เพชรบูรณ์ รวมทั้งทางฝ่ายปกครองได้สนธิกำลังกันขึ้นไปตรวจสอบ ก็พบหลักฐานกองวัสดุที่เตรียมใช้ในการก่อสร้าง อาทิ เหล็กกล่อง ถังแซทเพื่อทำการกลบฝัง นอกจากนี้ยังพบว่ามีร่องรอยการขุด ซึ่งถือว่ามีความพยายามบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวจริง

นายกฤษณ์กล่าวว่า สำหรับที่ดินดังกล่าวเคยเป็นกรณีพิพาท โดยศาลตัดสินแล้วโดยให้ที่ดินบริเวณนี้เป็นอยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ ซึ่งง่ายๆ ก็คือยังเป็นป่าอยู่ และอยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งทุกฝ่ายก็พยายามสอดส่องดูแลกันอยู่ แต่ตอนนี้มีคนเข้าไปบุกรุก ทางคณะเจ้าหน้าที่ก็มีการดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน โดยเบื้องต้นมีการให้การว่า วัสดุที่กองอยู่เป็นของเขาเอง ตอนนี้ก็เลยมีการตั้งข้อหาและมีการสืบสวนหาผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป ฉะนั้นจึงขอยืนยันว่าที่บริเวณนี้ ยังเป็นที่ป่าไม่มีใครจะสามารถเข้าไปก่อสร้างหรือดำเนินการอะไรได้ หากตนจำไม่ผิดเมื่อการรื้อถอนเสร็จเมื่อปี 2559 ได้มอบภารกิจให้กับทางกรมป่าไม้เป็นผู้ดูแลและปลูกป่าในพื้นที่บริเวณนี้

Advertisement

“ส่วนกรณีที่มีการแสดงความผิดหวังกับการตรวจยึดในครั้งนี้ ไม่สามารถจะตรวจยึดเครื่องจักรและผู้ร่วมกระทำผิดได้มากกว่านี้ ทางเจ้าหน้าที่เองก็คงอยากตรวจยึดของกลางได้มากกว่านี้ แต่จากที่มีลักษณะเหตุเป็นแบบนี้ อาจเพราะผู้กระทำผิดอาจจะรู้ตัวก่อน แต่ข่าวจะรั่วตรงจุดไหนนั้น ก็คงต้องมีการตรวจสอบกันอีกที แต่ทั้งนี้ทาง พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ ไม่ได้แจ้งมาทางจังหวัดโดยตรง ซึ่งไม่ทราบว่าได้ประสานไปยังหน่วยงานใด แต่หากแจ้งมาที่จังหวัดฯโดยตรง ผมเชื่อว่าข่าวนี้คงจะไม่รั่ว” นายกฤษณ์กล่าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาภูทับเบิกอีกว่า ล่าสุดวันนี้เราได้มีการสำรวจความต้องการของพี่น้องชาวไทยภูเขา ที่ทางราชการได้ให้เขาไปอยู่ในพื้นที่บริเวณนั้น ซึ่งเดิมจะจัดตั้งเป็นนิคมชาวเขาแต่สุดท้ายไม่ได้มีการจัดตั้ง โดยเขาก็ได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่นี้ค่อนข้างนานแล้ว เราก็เลยได้สำรวจว่า อยากให้รัฐช่วยดูแลรับปรับเป็นพื้นที่มีลักษณะอย่างไร

Advertisement

“ก็ได้รับทราบความต้องการว่า บางคนอยากให้เป็นนิคมเหมือนเดิม ตามเจตนารมณ์ที่เคยมีมา บางคนก็อยากให้เป็นที่ดินธนารักษ์ โดยสามารถอยู่อาศัยและประกอบกิจการได้ บางคนก็อยากให้ทำเป็นโครงการ คทช. ซึ่งเราได้ระดมความคิดเห็นเหล่านี้และส่งให้ทางคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ดำเนินการพิจารณาแก้ไขปัญหา โดยเลือกแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อแก้ปัญหาให้กับชาวไทยภูเขาเผ่าม้งที่นี่” นายกฤษณ์กล่าว

นายกฤษณ์ยังตอบข้อสงสัยที่ประชาชนข้องใจว่าพื้นที่ที่เคยมีการตรวจยึด จะมีการบุกรุกเพิ่มเติมหรือไม่ว่า ยังไม่ได้รับแจ้งจากทางพื้นที่ แต่ถ้ารับแจ้งว่ามีการบุกรุกในลักษณะนี้ ก็ต้องมีการดำเนินการเช่นเดียวกัน ไม่ว่ากำลังจะก่อสร้างหรือก่อสร้างไปแล้ว ซึ่งหากปรากฏชัดเจนว่าเป็นที่ดินเดิม ที่ศาลเคยมีคำพิพากษาไปแล้ว ก็ต้องมีการรื้อถอนและถูกดำเนินคดีด้วยเช่นเดียวกัน

“สุดท้ายอยากฝากสื่อสารถึงพี่น้องขาวภูทับเบิกและประชาชน กรณีอาจมีการกล่าวอ้างว่าทางราชการได้อนุญาตให้ก่อสร้างโดยเฉพาะบริเวณที่ดินเดิม ขอให้ทุกคนอย่าหลงเชื่อ และหากอยากทราบข้อเท็จจริงอะไรก็ตาม ขอให้สอบถามทางอำเภอหล่มเก่า หรือทางเจ้าหน้าที่ พม. จ.เพชรบูรณ์ เนื่องจากไม่มีทางราชการหน่วยใดอนุญาตให้ใช้พื้นที่ได้นอกจากการขอใช้ตามกฎหมายของกรมป่าไม้เท่านั้น ซึ่งทุกพื้นที่บนภูทับเบิกอยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ ที่จะต้องดูแลรับผิดชอบ ควบคุมไม่ให้มีการบุกรุก และหากเกรงจะมีปัญหาอะไรก็ต้องสอบถาม อย่าไปเชื่อข่าวลือหรือข่าวลวงอะไรเด็ดขาด” นายกฤษณ์กล่าว

ข่าวแจ้งว่า เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) คณะเจ้าหน้าที่ได่แก่ ป่าไม้ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช 1 (น้ำชุน), กอ.รมน. จว.เพชรบูรณ์ และฝ่ายปกครองอำเภอหล่มเก่า ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ที่ตั้งโรงเตี้ยมเดิมที่เคยเจ้าหน้าที่ถูกรื้อถอนไปแล้วเมื่อปี 2559 และจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมตรวจยึดพื้นที่บุกรุกจำนวน 1-2-92 ไร่ โดยกล่าวหาผิดตามคำสั่งศาล ตามคำพิพากษาศาล คดีหมายเลขดำที่ อ.1425/2555 คดีหมายเลขแดงที่ อ.974/2556 ตามหนังสือรับรองถึงที่สุดที่ 148/2558 กระทำผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 มาตรา 54, 55 จากนั้นคณะเจ้าหน้าที่ได้ปิดป้ายประกาศห้ามยึดครองและก่อสร้างในที่ดินบริเวณดังกล่าว

ในขณะที่ พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หน.ชุดปฎิบัติการพิเศษ ศปป.4 กอ.รมน. ได้ออกมาระบุโดยเชื่อว่า ข่าวรั่วทำให้ปฎิบัติการของคณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไม่สามารถจับกุมผู้ร่วมกระทำผิด รวมทั้งไม่สามารถตรวจยึดของกลาง อาทิ รถแบ็กโฮ รถแทรคเตอร์ล้อยางได้ ทั้งที่ในช่วงเช้าวันที่ 21 พ.ค.67 ก่อนที่คณะเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบ ปรากฏว่ากลุ่มผู้ร่วมกระทำผิด รวมทั้งเครื่องจักรยังอยู่ในบริเวณพื้นที่บุดรุกดังกล่าว แต่ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ก่อนเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image