‘พ.อ.พงษ์เพชร’ เชื่อข่าวรั่ว-จัดฉากให้จับรุกภูทับเบิก สวน ‘ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์’ ก็เป็น ผอ.กอ.รมน.จังหวัดอยู่แล้ว

‘พ.อ.พงษ์เพชร’ ไม่คาดหวังปฏิบัติการบุกจับรุกภูทับเบิก เชื่อข่าวรั่ว-จัดฉากให้จับกุม เหตุย้ายเครื่องจักรทันเฉียดฉิว สวน ‘ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์’ เป็น ผอ.กอ.รมน.จังหวัดอยู่แล้ว ถามมั่นใจผู้ใต้บัญชาวางใจได้แค่ไหน

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากคณะเจ้าหน้าที่ป่าไม้, กอ.รมน.จังหวัดเพชรบูรณ์และฝ่ายความมั่นคงอำเภอหล่มสัก สนธิกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบการบุกรุกที่ดินบริเวณที่ตั้งโรงเตี๊ยมเดิมบนภูทับเบิก หมู่ 16 ต.วังบาล อ.หล่มเก่า ซึ่งศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด โดยคณะเจ้าหน้าที่มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปเมื่อปี 2559 กระทั่งการปฏิบัติการเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีการจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย และตรวจยึดวัสดุก่อสร้างจำนวนหลายรายการ โดยการปฏิบัติการดังกล่าว ถูกตั้งข้อสังเกตว่าข่าวรั่วทำให้ผู้ร่วมกระทำผิดรู้ตัวก่อนและเร่งขนย้ายเครื่องจักรออกจากพื้นที่ก่อนที่คณะเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบเพียงไม่กี่ชั่วโมงนั้น

ล่าสุด พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. กล่าวว่า คงต้องย้อนไปก่อนที่จะมีการเข้าจับกุม หลังจากตนได้รับเรื่องร้องเรียนจึงได้แจ้งข่าวไปยัง 2 หน่วยงานหลัก คือ กอ.รมน.เพชรบูรณ์ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ตามตำแหน่งอยู่แล้วถือว่าเป็นการแจ้งจังหวัดโดยตรง และแจ้งทางสายด่วนความมั่นคง 1374 ซึ่งเป็นเครือข่ายรับแจ้งข่าวของ กอ.รมน. รวมทั้งทางป่าไม้โดยผ่านทาง ผอ.สจป.4 พิษณุโลกโดยตรง กระทั่งมีการสั่งการมาในพื้นที่ให้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พ.ช.11 (น้ำชุน) ให้ดำเนินการ หลังจากแจ้งข่าวตนยังได้ติดตามการปฏิบัติการ แม้จะไม่ได้ร่วมด้วยก็ตาม เนื่องจากไม่ได้มีส่วนได้เสียหรือผลประโยชน์ ตามที่เคยมีการร้องเรียนตนก่อนหน้านี้

Advertisement

พ.อ.พงษ์เพชรกล่าวว่า โดยเฉพาะข้อมูลที่ตนแจ้งไปยังจังหวัด รวมทั้งหน่วยงานดังกล่าว มีรายละเอียดเบาะแสแจ้งให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายและคลิปรถแบ๊กโฮ, รถแทรกเตอร์ล้อยางที่กำลังทำงานในพื้นที่ รวมทั้งภาพถ่ายของกลุ่มบุคคลบางส่วน ซึ่งกำลังดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่ดินบริเวณดังกล่าว จึงทำให้มีข้อสังเกตว่าก่อนที่คณะเจ้าหน้าที่จะเข้าไปจุดเป้าหมาย เหตุใดจึงมีการเร่งขนย้ายเครื่องจักรเหล่านี้ออกก่อน รวมถึงคนงานเพราะมีแคมป์อยู่ หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ถึงเข้าไปตรวจสอบ

Advertisement

“จึงข้องใจว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้รู้ตัวล่วงหน้าใช่หรือไม่ เพราะหากมีการเคลื่อนย้ายออกก่อน 1 วันก็พอเข้าใจได้ แต่ครั้งนี้เร่งขนย้ายล่วงหน้าแค่ราว 1 ชั่วโมงกว่าๆ แบบฉิวเฉียด ทั้งเครื่องจักรหนักและกลุ่มคนออกจากพื้นที่แบบเร่งรีบ โดยยังเหลือของกลางบางส่วนตกค้างไว้ในที่เกิดเหตุด้วย ประกอบกับหลังการตรวจยึดเบาะแสต่างๆ ที่ผมแจ้งไป ไม่ได้มีการบันทึกหรือขยายผลสืบสวนสอบสวนแนบเข้าไป เพื่อจะสืบสวนติดตามหาผู้ร่วมกระทำผิดที่แท้จริง ส่วนกรณีที่มีผู้ออกมาแสดงตัวเป็นเจ้าของวัสดุ ก็เป็นไปตามความคาดหมายตั้งแต่ต้น ตามที่ผมแจ้งเบาะแสไปก่อนหน้านี้ไว้ จึงไม่น่าแปลกใจหากจะมองว่ามีการจัดฉากเตรียมไว้ล่วงหน้ากันแล้ว” พ.อ.พงษ์เพชรกล่าว

หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. กล่าวว่า พฤติการณ์แบบนี้ทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่า ผู้ร่วมกระทำผิดรู้ตัวล่วงหน้าหรือไม่ และมีการเตรียมจัดฉากไว้รอเจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบ ส่วนข่าวจะรั่วหรือเกลือเป็นหนอนตรงจุดไหนนั้น ตนคิดว่าผู้เกี่ยวข้องน่าจะคาดการณ์ได้ไม่ยาก ซึ่งตนได้ให้โจทย์ไปแล้วแต่ตอบกันไม่ครบ ทั้งรถแบ๊กโฮ รถแทรกเตอร์ ถูกเคลื่อนย้ายไปไหน คาดว่าคงจะถูกแอบซุกอยู่ในพื้นที่ ฉะนั้นหากในวันปฏิบัติการมีการติดตามขยายผลกันอย่างจริงจังมากขึ้น เชื่อว่าสามารถจะตรวจยึดได้เช่นกัน

ในมุมมองของผมแม้จะไม่ได้คาดหวังเท่าไหร่กับปฏิบัติการครั้งนี้ และยังถือว่าล้มเหลว เสียของ หรือแค่ถูกตัดตอนเท่านั้น แต่สามารถเบรกไม่ให้มีการบุกรุกก่อสร้างต่อได้ ส่วนใครจะอยู่เบื้องหลังในพื้นที่ภูทับเบิกต่างรู้กันหมด และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ก็รู้เช่นเดียวกัน เพียงแต่จะมีความจริงใจที่จะสืบสาวหรือเชื่อมโยงไปให้ถึงตัวการที่แท้จริงหรือไม่เท่านั้น เชื่อว่าหากมีความตั้งใจเราคงได้ตัวผู้ร่วมกระทำผิด หรือแม้กระทั่งนายทุนตัวจริงที่อยู่เบื้องหลัง รวมทั้งยึดของกลางได้มากกว่านี้” พ.อ.พงษ์เพชรกล่าว

พ.อ.พงษ์เพชรกล่าวอีกด้วยว่า ลักษณะแบบนี้เคยแจ้งไปหลายครั้ง แต่ไม่มีการดำเนินการอะไร จะข่าวรั่วหรือไม่รั่ว แต่ไม่มีการตอบสนองอะไรเลย กระทั่งคนแจ้งไม่อยากจะแจ้งเบาะแสให้แล้ว ตนอยู่ส่วนกลางมีหน้าที่ดูภาพรวมทั้งประเทศ ครั้งนี้ได้รับแจ้งจากสายข่าวและเห็นว่าเป็นการกระทำที่ท้าทายและเย้ยกฎหมายค่อนข้างชัดเจน ฉะนั้นคนในพื้นที่นอกจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้, เจ้าหน้าที่ พม.จังหวัด และยังมีผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่อีก ฉะนั้นจึงปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นว่าไม่มีบุกรุกที่ดินกล่าวไม่ได้ โดยเฉพาะที่ดินบริเวณนี้อยู่ติดริมถนน ซึ่งทุกคนต้องสัญจรผ่านไปมาอีกด้วย

พ.อ.พงษ์เพชรยังกล่าวโต้แย้งทางผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ที่ระบุว่าหากแจ้งทางจังหวัดโดยตรงข่าวคงไม่รั่วว่า จะให้แจ้งใคร หากแจ้งจังหวัด แจ้งผู้ว่าฯ โดยตรงหรือแจ้งใคร อย่างที่ตนบอกได้แจ้งให้ทาง กอ.รมน.จังหวัด ซึ่งผู้ว่าฯ ก็เป็น ผอ.กอ.รมน.จังหวัดอยู่แล้ว นอกจากนี้ตนยังแจ้งในระบบสายด่วนความมั่นคง 1374 ซึ่งส่วนกลางก็รับรู้ด้วย และทางจังหวัดก็ต้องรับทราบด้วยว่าพื้นที่ตรงจุดนี้ถูกบุกรุก เรื่องนี้ตนชัดเจนพยายามทำให้เข้าระบบ ส่วนจะให้แจ้งผู้ว่าฯ โดยตรง ท่านคงเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ไม่ทราบ

“แต่หากจะให้ผมประสานโดยตรงกับทางผู้ว่าฯ ผมพร้อมและไม่มีปัญหา ครั้งต่อไปผมประสานโดยตรงก็ได้ แต่ผมมีข้อคิดว่าท่านไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติโดยตรงเพียงคนเดียว จะต้องสั่งการไปยังนายอำเภอ สั่งการไปยังปลัด, อส. และกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ นอกจากนี้ยังประสานไปยังเจ้าหน้าที่ป่าไม้หรือเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อีก จึงอยากตั้งคำถามกลับไปว่า ลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านไว้ใจได้แค่ไหน ฉะนั้นผมจึงบอกว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการเท่านั้นที่จะรู้ ผมจึงไม่เข้าร่วมจับกุมในครั้งนี้ เพื่อตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย” พ.อ.พงษ์เพชรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image