บุกตรวจสำนักสงฆ์เถื่อนอีกรอบ พบพระที่ถูกจับสึกกลับมาแต่งกายเป็นพระออกบิณฑบาตอีก
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พระครูสุจิตรัตนาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอหนองเสือ นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี นายสุทธิพร ศิวเวทพิกุล นายอำเภอหนองเสือ พ.ต.อ.ธีรยุทธ เสรีนนท์ชัย ผกก.สภ.หนองเสือ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองบุกค้นสำนักสงฆ์เถื่อนอีกรอบ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของบริษัท บิ๊ก คูล จำกัด หมู่ 4 ต.บึงชำอ้อ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี หลังจากคณะสงฆ์จังหวัดปทุมธานีออกประกาศให้พระทั้งหมดออกจากพื้นที่ดังกล่าวภายใน 7 วัน ซึ่งวันนี้ครบกำหนดที่มีการขีดเส้นดังกล่าว
ระหว่างตรวจค้นพบพระสงฆ์อยู่ภายในห้องจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงเคาะเรียก ปรากฏว่าพบพระสงฆ์ 8 รูปยังไม่ออกจากพื้นที่ ระหว่างนั้นมีหญิงวัยกลางคนแต่งชุดขาวนำโทรศัพท์ออกมาไลฟ์ด่าทอเจ้าหน้าที่อย่างรุนแรงอยู่ตลอดเวลา
จากการตรวจสอบพบว่ามีพระ 1 รูปที่ถูกจับสึกเพราะเมาสุรากลับมาพักที่สำนักสงฆ์เถื่อนแห่งนี้อีก และยังแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ออกไปบิณฑบาตช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาบุกรุกและแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.หนองเสือ
ขณะที่พระสงฆ์อีก 7 รูป คณะสงฆ์แจ้งข้อหาขัดคำสั่งมหาเถรสมาคม และจะดำเนินการตรวจสารเสพติดอีกครั้ง หากพบว่ามีสารเสพติดก็จะจับสึกและดำเนินคดีต่อไป
นายบุญเชิดกล่าวว่า วันนี้เจอพระดื้อที่ขัดคำสั่งของมหาเถรสมาคม ซึ่งได้มีการติดประกาศเอาไว้แล้วว่าห้ามอยู่ภายในสถานที่ที่ยังไม่อนุญาตให้สร้างวัด ซึ่งเรามาตรวจสอบดูหลังให้เวลา 7 วัด ให้พระกลับต้นสังกัด แต่กลับมีพระที่ยังอยู่ ทั้งนี้ จะให้คำแนะนำที่ถูกต้องคือพระสงฆ์ที่ห่มผ้ากาสาวพัสตร์คือพระที่อยู่ในบวรพระพุทธศาสนา อยากให้พระเหล่านี้เอื้อเฟื้อแก่พระธรรมวินัย กฎหมายและกฎมหาเถรสมาคมเพื่อเป็นที่ศรัทธาของประชาชนที่พบเห็น
นายบุญเชิดกล่าวต่อว่า หากท่านไม่กลับวัดต้นสังกัดก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของที่ เพราะเจ้าของที่มีอำนาจเต็มที่ว่าจะให้ใครอยู่หรือไป หากเจ้าของที่จะยกให้เป็นสำนักสงฆ์ก็ทำได้ แต่ต้องให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ว่าปล่อยแบบนี้ ทำให้เกิดความเสื่อมเสียของคณะสงฆ์ที่ไม่มีพระผู้ปกครองดูแล ซึ่งจะลำบากกับคณะสงฆ์ ทั้งเจ้าคณะตำบลและเจ้าคณะอำเภอที่ต้องเข้ามาดู
“ท่านลำบากใจเลยต้องมาดู ซึ่งพอมาดูปรากฏว่าพบพระเสพยา เมาสุรา วันนี้ก็พบว่าแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ออกไปบิณฑบาต ที่ผ่านมาเราไม่ได้มาเต็มระบบในการตรวจสอบ ที่เรามาในวันนี้เพราะได้รับหนังสือร้องเรียนและเจ้าของที่เป็นคนเชิญให้เรามาตรวจสอบ ไม่ได้มาโดยพลการ หลังจากนี้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องดำเนินการตามกฎหมาย
สำหรับสำนักพุทธและคณะสงฆ์ได้ทำหน้าที่ในการปกครองสงฆ์ให้เป็นมติข้อกฎหมายตามประกาศของสงฆ์ หากปล่อยเป็นแบบนี้อีกหน่อยใครจะไปอยู่ที่ไหนก็ทำได้ ดังนั้น จึงได้ถามวัดต้นสังกัดว่าจะรับพระสงฆ์เหล่านี้กลับวัดหรือไม่ ปรากฏว่าต้นสังกัดไม่รับ จำเป็นจะต้องให้ท่านลาสิกขาไป ทั้งนี้ พระสงฆ์ต้องอยู่ในกฎระเบียบและกติกา ทำให้พระสงฆ์ดูกันเองได้ แต่วันนี้พระสงฆ์เหล่านี้ต่างคนต่างอยู่ ซึ่งดูแลกันไม่ได้” นายบุญเชิดกล่าว