ผู้ช่วย ผบ.ตร. ติดตามคดีไฟไหม้วิน โพรเสส เผย พบหลักฐานใหม่ ลอบฝังสารเคมีในดิน

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ติดตามคดีไฟไหม้วิน โพรเสส เผย พบหลักฐานใหม่ ลอบฝังสารเคมีในดิน

จากกรณีไฟไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด หมู่ 4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม

ต่อมาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม นายโอภาส บุญจันทร์ กรรมการบริษัท วิน โพรเสส จำกัด เดินทางไปโรงงานที่บริษัท เอกอุทัย สาขาศรีเทพ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวส่ง สภ.มาบตาพุด ตามหมายจับข้อหาครอบครองวัตถุอันตราย

ผู้สื่อข่าวรายงานผลการตรวจสุขภาพประชาชนจากเหตุการณ์ไฟไหม้วิน โพรเสส ของโรงพยาบาลบ้านค่าย ณ วัดหนองพะวา ผลตรวจวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา มีผู้เข้ารับการตรวจเลือด จำนวน 341 คน เอกซเรย์ทรวงอก จำนวน 348 คน ผลการตรวจพบว่า การตรวจเอกซเรย์ทรวงอกพบปอดผิดปกติ จำนวน 12 คน นัดตรวจซ้ำ 7 คน ส่งต่อ รพ.ระยอง จำนวน 2 คน

ADVERTISMENT

ผลตรวจเลือดพบภาวะซีด จำนวน 31 คน ไตเสื่อมระดับ 3 ขึ้นไป จำนวน 33 คน และค่าทำงานของตับผิดปกติ จำนวน 40 คน ผู้ที่มีผลเลือดผิดปกติแพทย์นัดตรวจติดตามตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) จำนวน 9 คน ตรวจการทำงานของไต (Cr) จำนวน 15 คน

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 3 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามคดีโรงงานเก็บกากสารเคมีวิน โพรเสส หมู่ 4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ไฟไหม้ และประชุมติดตามความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนที่ สภ.บ้านค่าย

ADVERTISMENT

พล.ต.ท.ธัชชัยเปิดเผยว่า วันนี้ช่วงเช้าได้เดินทางไปที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ อ.อุทัย และ อ.ภาชี ทั้ง 2 แห่ง เป็นจุดที่มีการเก็บสารเคมีวัตถุอันตรายของโรงงานดังกล่าว ซึ่งในช่วงหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ ตำรวจได้มีการออกหมายจับนายโอภาส บุญจันทร์ เจ้าของโรงงาน ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องทั้งหมด ออกหมายจับไปแล้ว 3 หมาย

หมายจับสุดท้ายคือ สภ.บ้านค่าย ตำรวจได้คัดค้านการประกันตัว ซึ่งศาลจังหวัดระยองได้มองเห็นว่าเป็นคดีสำคัญกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง จึงไม่ได้ให้มีการประกันตัว ขณะนี้ตำรวจได้มีการขยายผลไปใน 6 จังหวัด พบว่ามีการเกี่ยวข้องกับโรงงานวิน โพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จ.นครราชสีมา จ.เพชรบูรณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.นนทบุรี และ จ.ชลบุรี ทั้งหมดได้มีการสืบสวนขยายผลใน 2 ส่วน คือในเรื่องกฎหมายสิ่งแวดล้อม และคดีอาญา รวมทั้งคดีเพลิงไหม้ที่ อ.ภาชี และที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง แห่งนี้ว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาวางเพลิง หรือเป็นเหตุความประมาท

แต่สิ่งที่พบคือ ผู้ต้องสงสัยได้มีการเอากากสารพิษที่ไปประมูลมา โดยไม่ได้มีเจตนากำจัดสารพิษ มีการเช่าโรงงานในพื้นที่ต่างๆ นำสารพิษดังกล่าวทิ้งในโรงงานที่เช่า หรือทิ้งในพื้นที่ป่าสงวนและพื้นที่สาธารณะ โดยสารพิษเหล่านี้มีความเป็นอันตรายมากส่งผลให้ถึงตายได้

นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว โปร่งใส และดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่ง รรก.ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ตนเข้ามาดำเนินการในเรื่องนี้ เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องในหลายพื้นที่ ในส่วนของคดีขณะนี้ตำรวจทุกหน่วยทั้งระยอง พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา เพชรบูรณ์ และตำรวจ ปทส. กำลังเร่งรัดสืบสวนขยายผลให้ปรากฏข้อเท็จจริง เพื่อให้พี่น้องประชาชนทราบ

เบื้องต้นได้มีการแจ้งข้อหาหลายคนแล้ว รวมทั้งออกหมายจับคนที่หลบหนีไปแล้วด้วย คนที่หลบหนีอยู่จะไม่เป็นประเด็นในการส่งฟ้อง และพยานหลักฐานมีเพียงพอจะสั่งฟ้องได้ ตำรวจจะเร่งทำความจริงให้ปรากฏโดยเร็ว ส่วนหลักฐานที่มีการพบในวันนี้จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่ม เป็นหลักฐานใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลัง จะต้องมีการดำเนินคดีเพิ่มเติม โดยเฉพาะการสืบย้อนหลังไปถึงจุดที่พบหลักฐานใหม่ จะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย

รวมทั้งไม่ว่าจะได้มาซึ่งสารเคมี ครอบครอง การออกใบอนุญาต การขนส่ง หรือการเอาสารเคมีลงในดินที่สาธารณะ ตำรวจจะมีการดำเนินคดีให้ครบทั้งหมด ทั้งกฎหมายสิ่งแวดล้อม และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาญาทั้งหมด ทั้งนี้ ในการดำเนินคดีตำรวจพบความเชื่อมโยงทั้งทางพระนครศรีอยุธยา เพชรบูรณ์ ระยอง นครราชสีมา และชลบุรี สำหรับโรงงานที่ อ.ภาชี

ขณะนี้ตำรวจพบพยานหลักฐานใหม่ จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมด้วย และอยู่ระหว่างดำเนินการโดยมีเจ้าหน้าที่กรมโรงงานฯไปร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว ส่วนความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ทั้ง 2 แห่งที่ จ.ระยอง และพระนครศรีอยุธยา ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล โดยทางสืบสวนได้มีการลงพื้นที่เก็บหลักฐาน พร้อมทั้งเอาผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก และมีความชัดเจนมากขึ้น

รวมทั้งกรมโรงงานฯจะมาให้ข้อมูลเกี่ยวสารเคมีในโรงงานด้วย เพื่อประกอบสำนวนคดีให้ครบถ้วน นอกจากนี้ยังจะใช้กฎหมายฟอกเงินเข้ามาดำเนินการด้วย ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ในระหว่างกำลังดำเนินการ หากมีความผิดเข้าข่ายยึดทรัพย์ก็จะดำเนินการทันที ป้องกันผู้ต้องหาโยกย้ายทรัพย์สินหนี

ด้านนายโกเมน ผิวพุ่ม นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ได้นำเจ้าหน้าที่จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม นำรถแบ๊กโฮมาขุดตักดินภายในโรงงาน ซึ่งเป็นการสุ่มใน 6 จุด ตามที่ชาวบ้านในพื้นที่ร้องขอหลังมีการลักลอบฝังสารเคมีไว้บริเวณจุดดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านยืนยันเมื่อช่วงปี 2556-2563 จุดดังกล่าวมีการขุดเป็นบ่อขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 10 คูณ 20 เมตร จำนวน 3 บ่อ มีการเทสารเคมีลงบ่อจนเต็ม ก่อนถมด้วยดินปรับจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมของบ่อ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่มาขุดเพื่อนำดินไปตรวจสอบค่าดินหาสารเคมีปนเปื้อน

นายโกเมนเปิดเผยว่า เบื้องต้นมีชาวบ้านร้องเรียนว่า ภายในโรงงานมีการลักลอบฝังสารเคมีไว้ตามที่ระบุ จึงได้นำรถแบ๊กโฮมาขุดดินเพื่อนำไปตรวจสอบหาสารเคมีปนเปื้อนในดิน ทั้งยังเป็นการแสวงหาหลักฐานใหม่เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของโรงงานด้วย เบื้องต้นผลตรวจสอบค่าดิน ซึ่งจากการตรวจสอบพบกากอะลูมิเนียมดรอสถูกฝังในดิน จำนวน 5 จุดที่ขุดลงไปเพียง 1 เมตรจาก 4 เมตรก็เจอแล้ว ถือเป็นหลักฐานใหม่ที่แจ้งดำเนินคดีกับเจ้าของโรงงาน โดยผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่เดินทางมาติดตามคดีก็ได้ให้ตำรวจชุดสืบสวนเก็บพยานหลักฐานใหม่ที่พบในวันนี้เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของเพิ่มด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image