เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. วานนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุระทึกภายในงานนมัสการองค์พระธาตุพนม ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ซึ่งเป็นงานประเพณีสำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-23 กุมภาพันธ์ 2559 ส่วนคืนนี้เป็นคืนที่ 7 ที่มีประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวลาว เดินทางมาท่องเที่ยวจำนวนมาก เกือบแสนคน โดยภายในงานนอกจากจะมีการทำบุญไหว้พระธาตุพนม เวียนเทียนบูชาองค์พระธาตุพนม ยังมีการจัดมหรสพตามประเพณี รวมถึงมีการจัดสวนสนุก เพื่อให้เด็กเยาวชน ได้มาเล่นในงานด้วย
แต่แล้วได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น โดยในขณะน้องๆ เยาวชน ได้เข้าไปเล่นบริเวณสวนสนุก บริเวณข้างประตูโขงบริเวณลานหน้าวัดพระธาตุพนม ที่เป็นเครื่องเล่นกระเช้าเหวี่ยง หรือที่เรียกกันว่า เครื่องเล่นปลาหมึก ของบริษัท สตาร์นาซ่า จำกัด ที่มาเปิดบริการให้เด็กขึ้นไปเล่น เพื่อทำการหมุนเป็นวงกลม ในระดับความสูงประมาณ 7 เมตร เกิดชำรุดขณะหมุนอย่างแรง ทำให้แกนบังคับเหวี่ยงกระเช้าหลุดลงมา 1 ชุด จากทั้งหมดมี 8 ชุด ซึ่งนั่งได้กระเช้าละ 2 คน จนกระเช้าที่มีเด็กที่ใช้บริการขึ้นไปเล่น 2 คน ตกกระแทกพื้นอย่างแรง จนได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ต้องระดมช่วยเหลือวุ่น นำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชอำเภอธาตุพนม ทราบชื่อภายหลัง คือ น.ส.เพ็ญภิชา ลาดบาศรี อายุ 19 ปี และ ด.ญ.ศิริวรรณ ลาดบาศรี อายุ 11 ปี อยู่บ้านคำเม็ก ต.หนองสังข์ อ.นาแก จ.นครพนม ทั้ง 2 ราย ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะแตก เลือดไหลจำนวนมาก หมดสติ เจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช พร้อมด้วย ชุดกู้ชีพนาวา ได้เข้าไปช่วยเหลือส่งตัวไปรักษาเร่งด่วน ส่วนผู้เล่นที่เหลือติดอยู่บนเครื่องเล่น เพราะต้องหยุดกะทันหัน อีกจำนวน 8 คน เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือลงมาปลอดภัย โชคดีไม่ได้รับอันตราย
ด้าน พ.ต.อ.ธีร์รัฐ ทิพย์นพนันท์ ผกก.สภ.ธาตุพนม จ.นครพนม เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดว่า หลังเกิดเหตุได้นำ ร.ต.ท.พิชิตชัย รูปคม รองสารวัตรสอบสวน สภ.ธาตุพนม ร่วมกับนายสุพจน์ แซ่อึ้ง อายุ 54 ปี นายพันธ์สุรเชษฐ์ สัสดีเดช อายุ 41 ปี ผู้ดูแลสวนสนุก และเครื่องเล่นที่เกิดปัญหา รวมถึงนายสุวิทย์ เสรีพงษ์ อายุ 59 ปี ชาว จ.หนองคาย ผู้ควบคุมเครื่องเล่น เข้าตรวจสอบหาสาเหตุ
ภายในที่เกิดเหตุพบว่า สาเหตุมาจากสลักแกนเหล็กรองรับกระเช้าชำรุด ทำให้แกนรองรับกระเช้าหลุดลงมากระแทกพื้น ทำให้เด็กที่อยู่ในกระเช้าได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทางตำรวจจะได้เรียกตัวนายสุวิทย์ เสรีพงษ์ อายุ 59 ปี ชาว จ.หนองคาย ผู้ควบคุมเครื่องเล่น ไปสอบสวนโดยละเอียด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นได้ตั้งข้อหาประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบหาสาเหตุโดยละเอียด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และเพิ่มมาตรการป้องกันดูแลไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก และตรวจสอบพิจารณาว่าจะให้มีการเปิดบริการต่อหรือไม่ ซึ่งในส่วนของผู้ได้รับบาดเจ็บยังอยู่ระหว่างการตรวจดูแลอาการอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ เนื่องจาก น.ส.เพ็ญภิชา ลาดบาศรี อายุ 19 ปี ยังไม่ได้สติ เพราะกระแทกพื้นอย่างแรง ส่วนการดูแลช่วยเหลือเบื้องต้นได้มีการทำประกันภัยไว้ พร้อมที่จะชดเชยเยียวยารายละประมาณ 1 แสนบาทเบื้องต้น
นอกจากนี้ จากการสอบสวนยังพบว่าเด็กทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน โดยในช่วงเกิดเหตุ ด.ญ.ศิริวรรณ ได้เดินทางมากับ บิดามารดา คือ นายมงคล ลาดบาศรี อายุ 54 ปี และ นางสุวิไล กำริสุ วัย 35 ปี ซึ่งมีหลานสาวมาด้วย คือ น.ส.เพ็ญภิชา ลาดบาศรี อายุ 19 ปี จึงได้พากันขึ้นไปเล่นบนเครื่องเล่นกระเช้าเหวี่ยง ซึ่งมีพ่อกับแม่ คอยยืนดูอยู่ข้างล่าง พร้อมใช้โทรศัพท์ถ่ายคลิปไว้ด้วย พอเครื่องหมุนไปประมาณ 2-3 นาที กระทั่งเกิดอุบัติเหตุขึ้นต่อหน้าต่อตา และแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ
ด้านนายสุพจน์ กล่าวว่า ยอมรับเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าเครื่องเล่นดังกล่าว มีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่วิศวกรต่อเนื่อง ก่อนจะมีการเปิดบริการทุกครั้ง เพราะทำมาเกือบ 20 ปี ไม่เคยเกิดเหตุแม้แต่ครั้งเดียว มีการดูแลทุกขั้นตอน รวมถึงจำกัดอายุ หากเด็กเกินไปไม่สามารถให้ใช้บริการได้ รวมถึงน้ำหนักจำนวนคน จะอยู่ที่กระเช้าละ 2 คน น้ำหนักต้องไม่เกิน 100 กิโลกรัมต่อกระเช้า แต่สาเหตุครั้งนี้มาจากแกนสลักของคานรองรับกระเช้าชำรุดทำให้หลุดลงมากระแทกพื้น ซึ่งยืนยันว่าในช่วงที่ตรวจสอบไม่มีการชำรุด เป็นปกติสามารถใช้งานได้ แต่มาเกิดอุบัติเหตุในช่วงเดินเครื่อง ยอมรับว่าสุดวิสัย แต่ทางผู้ดูแลไม่ได้ละเลย หรือประมาท อย่างไรก็ตามจะมีการดูแลชดเชยผู้ได้รับผลผลกระทบเต็มที่ เพราะมีบริษัทประกันที่ทำไว้ พร้อมที่จะดูแลเยียวยาทุกด้าน และรู้สึกเสียใจ ทางผู้ประกอบการจะได้เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบในการดูแลมากขึ้น แต่ขอยืนยันว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุน้อยมาก ฝากพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่จะพาลูกหลานมาใช้บริการอุ่นใจได้ เพราะมีมาตรฐานในการเปิดบริการ รวมถึงมีประสบการณ์มากว่า 20 ปี และเชื่อมั่นว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอน