หลอนยา คิดว่าพี่เป็นชู้กับเมีย คว้ามีดไล่แทง ขู่ฆ่าล้างโคตร
เมื่อเวลา 17.40 น. วันที่ 13 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ขณะ ร.ต.อ.วิทยา ศิริเทพ รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งเหตุ มีคนคลุ้มคลั่งอาละวาด ที่บ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 2 ชุมชนบ้านม่วง เขตเทศบาลนครอุดรธานีจึงพร้อมด้วยกำลังสายตรวจ 191 รุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านสองชั้นไม้ครึ่งปูน พบนางเพ็ญศรี (สงวนนามสกุล) 63 ปี ผู้แจ้งเหตุ กล่าวว่า วันนี้ที่บ้านมีงานแต่งงานหลานสาว หลังเสร็จพิธีตนและญาติได้ช่วยกันเก็บสิ่งของทำความสะอาด ส่วนตนเก็บถ้วยจานไปล้างในบ้าน ต่อมาตนได้ยินเสียงนายอเนก (สงวนนามสกุล) หรือ แต อายุ 46 ปี ลูกชายซึ่งเป็นพ่อของเจ้าสาว ภายหลังดื่มเหล้าจนเมาแล้วกลับไปยังห้องเช่า ซึ่งอยู่ใกล้กันแต่มีรั้วกั้น จากนั้นนายอเนกได้ทะเลาะมีปากเสียงกับภรรยา ทำให้ภรรยาหนีกลับไปบ้านที่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
นางเพ็ญศรีกล่าวต่อว่า ไม่นานนายอเนกก็ถือมีดเดินออกมาจากห้องเช่า ปีนรั้วเข้ามาในบ้านหมายจะแทงพี่ชายที่นอนอยู่ในบ้าน โดยนายอเนกคิดว่าพี่ชายเป็นชู้กับภรรยาของตน จึงจะฆ่าให้ตาย ตนเกรงจะเกิดเหตุร้ายจึงแจ้งตำรวจมาระงับเหตุ ส่วนสาเหตุที่นายอเนกมีอาการคลุ้มคลั่ง เป็นเพราะนายอเอกดื่มเหล้าและเสพยาบ้าวันละหลายเม็ดจนเกิดอาการหลอน ก็ถือมีดขู่ฆ่าคนในบ้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงกระจายกำลังล้อมบ้านหลังดังกล่าว พร้อมกับเรียกให้นายอเนกทิ้งมีด และยกมือเดินออกมามอบตัว แต่นายอเนกไม่ออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน นายอเนกจึงได้ถือมีดวิ่งออกมาจากตัวบ้าน ก่อนพุ่งข้ามรั้วหนีไปยังห้องเช่าด้านข้าง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามไป จนสามารถจับกุมตัวนายอเนกได้ขณะหลบอยู่ข้างโอ่งแดงหลังห้องเช่า แต่ไม่พบมีดที่ใช้ก่อเหตุ โดยนายอเนกปฏิเสธว่า ตนไม่ได้เสพยาบ้า ไม่ได้อาละวาด และไม่ได้พกมีดจะมาแทงใคร ทำให้นางเพ็ญศรีโมโห ก่อนร้องบอกให้ตำรวจจับไปเลยเสพยาหลอน ไม่เสียดายเลยแค่ลูกคนเดียว พร้อมกับเดินเข้าไปชี้หน้าด่านายอเนกว่า “พอตำรวจมาทำไมไม่เก่ง ไหนว่าจะฆ่าล้างโคตร” นายอเนกก็สวนว่า “ตนไม่เคยพูดแบบนั้น” จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายอเนกไปขึ้นรถยนต์สายตรวจเพื่อนำตัวไปสอบสวนต่อ
นายอเนกกล่าวว่า ตนดื่มเหล้าจริง แต่ไม่ได้เสพยาบ้า ตนเคยไปรักษาอาการจิตเวชที่โรงพยาบาล ส่วนสาเหตุที่ทะเลาะกับพี่ชาย ก็เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อน พี่ชายเคยทำร้ายตนด้วยการบีบคอหมายจะฆ่าตน ส่วนเรื่องทะเลาะกับเมีย เพราะตรเห็นเมียขึ้นไปเปิดไฟบนบ้านแม่ และไม่มีเงินใช้หนี้ที่ยืมมาจ่ายค่างวดรถเพียงแค่นั้น ขอย้ำว่าตนไม่ได้ขู่ฆ่าใคร และไม่ได้พกมีดหมายจะไปแทงพี่ชาย ตนไม่ได้หลอนยา เพราะตนเลิกเสพยาบ้าแล้ว
นายพิชิต (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี พี่ชายของนายอเนก กล่าวว่า หลังเสร็จจากงานแต่งงานหลานสาว ซึ่งเป็นลูกสาวของนายอเนก ญาติพี่น้องก็กำลังเก็บสิ่งของและทำความสะอาดบ้าน ขณะนั้นนายอเนกได้ดื่มเหล้าเมากลับไปที่ห้องเช่า ก็ได้ทะเลาะกับเมียจนเมียหนีกลับบ้าน จากนั้นนายอเนกได้ปีนรั้วถือมีดวิ่งเข้ามาหมายจะแทงตน ซึ่งนอนอยู่ห้องโถงชั้นล่าง แต่ตนหลบได้ทันและดึงมีดออก โดยอเนกกล่าวหาว่าตนเป็นชู้กับเมียตัวเอง เพราะเสพยาจนหลอน มีอาการคลุ้มคลั่ง โดยนายอเนกมีอาการคลุ้มคลั่งหลายครั้งแล้ว แต่ตนก็ไม่เคยทำร้าย มีแต่จับล็อกตัวไว้ ส่วนสาเหตุที่ทำให้น้องชายคิดว่าตนเป็นชู้กับเมีย ตนคิดว่าเป็นเพราะนายอเนกหลอนยา
นางอุบลรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ภรรยานายอเนก กล่าวว่า ตนอยู่กินกับนายอเนกมาเกือบ 30 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ตนโตเสียชีวิต เหลือลูก 2 คน ปกติสามีจะเสพยาบ้า เมื่อกินเหล้าเข้าไปก็จะมีอาการหลอนคลุ้มคลั่งอาละวาด เคยพาไปบำบัดแต่ก็กลับมาเสพเหมือนเดิม
นางอุบลรัตน์กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุ วันนี้เป็นงานแต่งงานลูกสาว พอเสร็จพิธีนายอเนกก็กลับบ้าน บอกให้ตนเอาเงินสินสอด 3,000 บาท ไปใช้หนี้ที่ยืมมาจ่ายค่างวดรถ ตนก็บอกว่าเงินไม่พอใช้จ่าย เพราะลูกเขยนำเงินมาไม่ครบตามที่ตกลงกัน ทำให้นายอเนกอาละวาดด่าทอตนไม่หยุด ตนจึงหนีกลับบ้านที่หนองหาน ส่วนเรื่องที่สามีกล่าวหาว่าพี่ชายเป็นชู้กับตน ก็ไม่เป็นความจริงเลย เวลานายอเนกหลอนคลุ้มคลั่งอาละวาด ก็จะกล่าวหาตลอด ซึ่งตนขอยืนยันไม่เป็นความจริง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวนายอเนกเข้าตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด พบว่า ปัสสาวะเป็นสีม่วง ซึ่งนายอเนกให้การรับสารภาพว่า เมื่อคืนนี้เสพยาบ้าไป 1 เม็ด ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และเป็นภัยสังคม” ก่อนควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป