ตร.ภาค 6 จับกุมหนุ่มอ้างเป็นรอง ผกก.สภ.บางกระทุ่ม เรียกเงินหลอกเคลียร์คดียาเสพติด
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ตำรวจภูธรภาค 6 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงค์วิบูลย์ ผบช.ภ.6 ได้สั่งการให้ ข้าราชการตำรวจภูธรภาค 6 นำโดย พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดกลุ่มคนร้ายที่ได้ก่อเหตุแอบอ้างหลอกลวงเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยเหลือผู้เสียหาย (ญาติผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม) รับเคลียร์ หรือวิ่งเต้นคดีจำนวนหลายครั้ง ทั้งในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 6 และพื้นที่อื่นๆได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายแอบอ้างหลอกลวงเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 2 ราย คือนายวุฒิชัยหรือแม็ก บุญศรี อยู่บ้านเลขที่ 122 ม.6 ต.ธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 391/2567 ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 (มีหมายจับ/จับกุมแล้ว)โดยกล่าวหาว่าผู้ต้องหากระทำความผิดในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341, 342(1)” พร้อมด้วยทำการตรวจยึดสิ่งของที่มีไว้เป็นความผิด หรือได้มาจากการกระทำความผิด เพื่อเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดี จำนวน 1 รายการ คือ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง
และสามารถจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าว ได้อีก 1 คน คือ นายกฤษณ์ หรือเอ็ม รอดบุญเกิด อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 317 ถ.สุโขทัย แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร โดยกล่าวหาว่าผู้ต้องหากระทำความผิดในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษร้ายแรงประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษร้ายแรงประเภทที่ 1 โดยผิดกฎหมาย” (ในส่วนของความผิดเกี่ยวกับเครือข่ายแอบอ้างหลอกลวงฯ นั้น อยู่ระหว่างดำเนินการ)
โดยพฤติกรรมของนายวุฒิชัยหรือแม็ก บุญศรี คือ ด้วยเมื่อวันที่ 11 ก.ค.2567 สภ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ได้เกิดเหตุ คนร้ายได้แอบอ้างเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ได้โทรศัพท์ไปยังผู้เสียหายที่เป็นญาติของผู้ต้องหาซึ่งถูกจับกุมจริง ในคดียาเสพติด ว่าสามารถช่วยเหลือทางคดี สามารถปล่อยตัวได้แลกกับการไม่ให้ถูกดำเนินคดี ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของคนร้าย จำนวน 100,000 บาท
ต่อมา ผู้เสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางกระทุ่ม และต่อมา ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก จึงมอบหมายให้ชุดสืบสวน สภ.บางกระทุ่ม และ สภ.เมืองพิษณุโลก ทำการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว ทราบว่า คนร้ายได้อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับรองผู้กำกับ ได้โทรศัพท์มายังเจ้าหน้าที่ตำรวจห้องวิทยุ ,สิบเวร ,สายตรวจตำบล และผู้ใหญ่บ้าน เพื่อหลอกถามข้อมูลส่วนตัวของญาติผู้ต้องหา และนำข้อมูลดังกล่าวไปหลอกลวงผู้เสียหาย จนผู้เสียหายหลงเชื่อ แล้วโอนเงินไปให้จริง แต่ต่อมาหลังจากโอนเงินแล้ว กลับไม่สามารถติดต่อกับคนร้ายดังกล่าวได้ จึงเชื่อแล้วว่าถูกหลอกลวง
ต่อมาวันที่ 16 ก.ค.2567 ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.6 และชุดสืบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ได้เดินทางไปสืบสวนและทราบข้อมูลว่า กลุ่มคนร้ายได้ใช้บัญชีในการรับ-โอนเงินดังกล่าวพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และ จ.ระยอง จึงส่งชุดสืบสวนไปทำการตรวจสอบเพื่อสืบสวนหาตัวคนร้าย จนกระทั่งขยายผลแล้วนำไปสู่ทำการจับกุม นายวุฒิชัยหรือแม็ก บุญศรี ผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด อันเป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 391/2567 ลง 16 ก.ค.2567 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นเป็นคนอื่นฯ” โดยได้จับกุมตัวที่ บริเวณภายในหมู่บ้าน ม.6 ต.ธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานีพร้อมด้วยของกลาง เป็นโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง ที่นายแม็ก ได้ใช้หมายเลขโทรศัพท์ ติดต่อกับกลุ่มคนร้ายรายอื่น นำส่ง สภ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ดำเนินคดีและขยายผลการสืบสวนสอบสวน ตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาในวันที่ 20 ก.ค.2567 ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.6 พร้อมด้วย ชุดสืบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ,กก.สืบสวน ภ.จว.อุบลฯ และ ชุดสืบสวน สภ.วารินชำราบ จ.อุบลฯ พร้อมกับพวก ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ ค.136/67 ลง 20 ก.ค.2567 เข้าตรวจค้นขยายผล “กรณีมีเครือข่ายคนร้ายแอบอ้างหลอกลวงเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยเหลือผู้เสียหาย(ญาติผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม) รับเคลียร์คดี” โดยจากการตรวจสอบของ สภ.เมืองพิษณุโลก และ บก.สส.ภ.6 ทราบว่า แผนประทุษกรรมดังกล่าว มีผู้เสียหายกว่า 10 ราย ความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท โดยมีผู้เสียหายในพื้นที่ ภ.6 และ พื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ จึงทำการตรวจค้น บ้านพักไม่ทราบเลขที่ หมู่ที่ 9 ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
ผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวนาย กฤษณ์ หรือ เอ็ม รอดบุญเกิด อายุ 38 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 317 แขวงดุสิต เขตดุสิต จว.กรุงเทพมหานคร พร้อมกับได้ตรวจยึดของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งตรงกันกันหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้หลอกลวงผู้เสียหาย
อีกทั้ง เจ้าหน้าชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดของบุคคลดังกล่าวผ่านระบบ CRIME พบประวัติการกระทำความผิดทั้งสิ้น จำนวน 15 คดี โดยเป็นความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและ คดีฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ฉ้อโกงประชาชน เกือบทั้งสิ้น ในรูปแบบแผนประทุษกรรมดังกล่าว
แผนประทุษกรรมของ นายกฤษณ์ หรือเอ็ม รอดบุญเกิด จะใช้วิธีการหาข้อมูลเพื่อมาใช้ในการหลอกลวงผู้เสียหาย โดยจะหาข้อมูลจากข่าวต่างๆในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ (Google ,Facebook) ที่มีการจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ และ มีชื่อ ยศ ตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ที่เป็นชุดจับกุม หลังจากนั้นจะเลือกคดีที่มีช่องทางสามารถติดต่อผู้เสียหายได้ แล้วจึงแกล้งโทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้เสียหาย โดยอ้างว่าตนเองนั้นเป็นตำรวจหัวหน้าชุดจับกุม (แอบอ้างชื่อจากในข่าว) สามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นเกี่ยวกับคดีที่ผู้เสียหาย หรือญาติผู้เสียหาย ถูกดำเนินคดีที่โรงพักต่างๆได้ พร้อมบอกให้โอนเงินเพื่อเป็นการวิ่งเต้นเคลียร์คดี และสามารถช่วยเหลือไม่ให้ถูกดำเนินคดีได้ โดยหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารม้า(บช.ม้า) หลายบัญชี ที่กลุ้มคนร้ายได้ตระเตรียมมา โดยหลอกลวง เป็นจำนวนเงิน ตั้งแต่ 20,000 – 300,000 บาท
ต่อมาจึงทำการจับกุมนายกฤษณ์ รอดบุญเกิด พร้อมของกลาง ยาบ้า 4 เม็ดครึ่ง นำส่ง พงส.สภ.วารินชำราบ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปส่วนของกลางอื่นๆ ที่ใช้ในการโทรหลอกลวง เช่น โทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการคุย บัญชีธนาคาร ซิมการ์ด ฯลฯ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เพื่อขยายผลคดีอื่นๆ ตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบและระวังป้องกันภัยจากการถูกมิจฉาชีพ แอบอ้างชื่อหน่วยงานรัฐ เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ, เป็นศูนย์ช่วยเหลือต่าง ๆ เป็นต้น โดยตัดต่อ, สืบค้น หรือ คัดลอกข้อมูลต่าง ๆ มาจากข่าวสาร สื่อสังคมออนไลน์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้เหยื่อหลงเชื่อ เพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนตัว หรือหลอกให้โอนเงิน จึงแนะนำให้ประชาชนควรหมั่นสังเกตและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะได้รู้เท่าทันกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพ ทั้งนี้ทางตำรวจภูธรภาค 6 จะดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว โดยใช้มาตราการลงโทษทางกฎหมายในฐานความผิดขั้นสูงสุด เพื่อเป็นแบบอย่างมิให้การกระกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว และจะดำเนินการจับกุมการกระทำความผิดลักษณะดังกล่าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนสืบไป