เกษตรกร ท้อใจ ไข่ ปลาหมอคางดำ ตากแดดนาน 2 เดือน ยังฟักเป็นตัว จี้บ.เอกชนเยียวยา

ตะลึงไข่ปลาหมอคางดำอึดอดทนตากไว้นาน 2 เดือนยังฟักออกมาเป็นตัวชาวบ้านเผยหมดทางสู้จี้บริษัทเอกชนรับผิดชอบเยียวยา

จากกรณีที่พบปลาหมอคางดำระบาดใน จ.สมุทรสงคราม และระบาดไปกว่า 17 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งกรมประมงมีมาตรการกำจัดปลาหมอคางดำ รวมทั้งปล่อยปลานักล่า โดยเฉพาะปลากะพงไปกินปลาหมอคางดำนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 มกราคม ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ่อเลี้ยงปลากะพง ในพื้นที่ ต.แพรกหนามแดง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม พบนายวัลลภ ขุนเจ๋ง อายุ 59 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งมากว่า 17 ปี ได้ปรับบ่อหันมาเลี้ยงปลากะพง โดยพาผู้สื่อข่าวไปดูลูกปลาหมอคางดำในบ่อขนาดเกือบ 200 ไร่ ที่โผล่หัวมาจำนวนมาก จากนั้นได้ปล่อยน้ำลงอวนไม่ถึง 2 นาที ได้ลูกปลาหมอคางดำขนาด 1 นิ้ว รวม 18.5 กิโลกรัม


นายวัลลภกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเลี้ยงกุ้ง 520 ไร่ ต่อมาปี 2554 ปลาหมอคางดำเริ่มระบาด ตนจึงหันมาทดลองเลี้ยงปลากะพงในบ่อ 20 ไร่ก่อน ตนลงไป 5,000 ตัว แล้วปิดบ่อตาย พอครบกำหนดจับปลากะพงเหลือไม่ถึง 1,000 ตัว แต่ได้ปลาหมอคางดำ 9 ตัน ตนจึงเพิ่งรู้ว่าปล่อยปลากะพงขนาด 3-4 นิ้ว มันสู้กับปลาหมอคางดำไม่ไหว เพราะช่วงแรกที่ปล่อยปลากะพงจะอ่อนเพลีย พวกแม่ปลาหมอคางดำตัวใหญ่จะรุมเข้าใส่ กัดตัวกัดหางจนมันตาย

จากนั้นตนก็มาทดลองขยายเป็นบ่อ 40 ไร่ ก็เหมือนกันหมด จากนั้นก็ทดลองขุดบ่อขนาด 10 ไร่ ใหม่หมด ปรับพื้นที่ตากบ่อให้แห้ง กรองน้ำเข้า พอครึ่งเดือนลูกปลาหมอคางดำเต็มไปหมด ตนจึงปล่อยปลากะพง 4 นิ้วลงไป 1,000 ตัว พอวิดบ่อได้ปลาหมอคางดำ 7 ตัน จากนั้นก็ทดลองปล่อยน้ำมีปลาหมอคางดำอยู่เต็ม แล้วปล่อยปลากะพง 7-8 นิ้วลงไปอีก 1,000 ตัว ช่วงแรกดีหน่อยเหมือนกับปลาหมอคางดำลดจำนวนลง แต่หลังจากนั้น 5-6 เดือน ปลาหมอคางดำเต็มไปหมด มันออกลูกเยอะ ก็ขึ้นปลาหมอคางดำได้ 5 ตัน ปลากะพงอยู่ครบดังนั้น จึงสรุปได้ว่าปลากะพงมันกินปลาใหญ่กว่ามันไม่ได้ และก็กินปลาที่เล็กมากๆ ไม่ได้ ที่กรมประมงบอกว่าปล่อยปลากะพงมากินไข่ กินลูกตัวเล็กๆ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะตัวผู้มันอมไข่ อมลูก แล้วปลากะพงจะกินยังไง อีกทั้งปล่อยในธรรมชาติ ในคลองมีกอไม้ ต้นไม้ ที่หลบของปลาหมอคางดำเยอะ ปลากะพงก็คงเข้าไปกินลำบาก หากจะปล่อยในลำคลองต้องไม่ต่ำกว่า 6-7 นิ้ว มันช่วยได้ในระดับนึง แต่ไม่มีทางที่จะกำจัดมันได้ ตนไม่เห็นด้วยที่จะปล่อยขนาด 2-3 นิ้ว

ADVERTISMENT

นอกจากนี้หากปล่อยเป็นระยะๆ หากปล่อยที่เดียวกันปลากะพงตัวเล็กจะถูกตัวใหญ่ไล่กิน เพราะผมทดลองมาแล้ว ผมปล่อยประมาณ 3 เดือน แล้วผมก็เอาปลาเล็กมาปล่อย ผลปรากฏว่าตัวเล็กไม่เหลือ ตัวใหญ่ที่ปล่อยไปก่อนมันไล่กินปลาเล็กหมด และปลากะพงจะกินสิ่งปลาที่มันอ่อนแอกว่าเท่านั้น ถ้าแข็งแรงกว่ามันไม่กินแน่นอน ดังนั้น ตนมองว่าการปล่อยปลากะพงมันก็เป็นวิธีการแก้ไขส่วนหนึ่ง แต่ถ้าจะแก้แบบสมบูรณ์แล้วไม่มีทาง และที่สำคัญนักล่าปลากะพงคือคน ถ้าปล่อยปลากะพงเยอะๆ คนก็จับปลากะพงกินหมด ไม่กินปลาหมอคางดำ


ส่วนการที่รัฐบาลรับซื้อปลาหมอคางดำกิโลกรัมละ 15 บาท นายวัลลภมองว่า เมื่อหลายปีมาแล้วที่มีการระบาด 4 ตำบล 2 จังหวัด จ.สมุทรสงคราม รับซื้อกิโลกรัมละ 20 บาท แต่ต้องขึ้นทะเบียนประมง ในแหล่งน้ำธรรมชาติไม่รับซื้อ และยังจำกัดเวลารับซื้อแค่ 2 วัน ในเวลาราชการ บ่อหลายสิบบ่อ หลายร้อยไร่ ให้จับพร้อมกันมาขายพร้อมกัน จะเอาแรงงานที่ไหน ขึ้นปลาไม่ทัน ก็ปล่อยทิ้งไว้ในบ่อ บางบ่อจับหมด พอปล่อยน้ำเข้า ปลาในแหล่งน้ำธรรมชาติก็เข้ามาอีก และก็ขยายพันธุ์เพิ่มจนระบาดในปัจจุบัน ตอนนั้นน่ะถ้าเขารับซื้อหมดทั้งในบ่อและในแหล่งน้ำธรรมาติ เอามาขายให้ มันก็ไม่ระบาดขนาดนี้


ดังนั้น ต้องเปิดรับซื้ออย่างไม่มีข้อจำกัด รับหมด รวมทั้งไม่จำกัดเวลา อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าการแก้ไขปัญหาการระบาดของปลาหมอคางดำนั้นยาก แต่เราก็ต้องปรับตัว ซึ่งตนก็ต้องปรับตัวเป็นบ่อตกปลากะพง เลี้ยงปลากะพงขนาดใหญ่ ขณะที่ธรรมชาติยังไงก็ไม่มีทางกำจัดได้ ทำได้อย่างเดียวคือ จำนวนให้น้อยลง
อย่างไรก็ตาม ฝากรัฐบาลดูแลอย่าให้นำปลากะพงจากต่างชาติเข้ามากดราคาปลากะพงในประเทศ จนเกษตรกรเขาอยู่ไม่ได้ เพราะต้นทุนสูงไม่ต่างจากทำบ่อกุ้ง

นายวัลลภกล่าวว่า ปลากะพงจะกินปลาหมอคางดำเป็นตัวเลือกสุดท้าย ตนเคยทดลองปล่อยปลานิลรวมกับปลาหมอคางดำ และก็ปล่อยปลากะพงตัวละ 7-8 นิ้วลงไป ผลปรากฏว่าปลานิลหมดไม่เหลือ แต่ปลาหมอคางดำกลับเยอะมากขึ้น ต่อมาก็ลงปลานิล กุ้ง ปลาหมอคางดำ และปลากะพง สุดท้ายกุ้งกับปลานิลก็หมดไม่เหลือเช่นกัน ดังนั้น การปล่อยปลากะพงเยอะก็ไม่ใช่ว่าจะกินปลาหมอคางดำอย่างเดียว แต่มันจะไปกินปลาชนิดอื่นไม่เหลืออีกเช่นกัน
ด้าน นายณัฏฐพล เข็มกำเนิด อายุ 40 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในพื้นที่หมู่ 4 ต.ยี่สาร อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า เมื่อ 10 ปีก่อนตนเลี้ยงสัตว์น้ำแบบธรรมชาติกว่า 500 ไร่ สามารถจับปลาพื้นถิ่น เช่น กุ้ง ปลากระบอก ปลาดุก ปลาหมอเทศ และปลาธรรมชาติ แต่เมื่อปี 2554 ตั้งแต่ปลาหมอคางดำเริ่มระบาดมันกินลูกกุ้ง ลูกปลาจนหมดเลย ผู้เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงสัตว์น้ำเจ๊งหมดเพราะว่าต้องจ่ายค่าเช่าทุกปี แต่ปล่อยกุ้งกี่ครั้งขึ้นมาก็เป็นปลาหมอคางดำ

ที่ผ่านมาตนเคยสู้กับปลาหมอคางดำมานานแล้ว เคยคิดจะพัฒนาบ่อให้เป็นเชิงพาณิชย์ มีการจัดระบบกรองน้ำเข้าโดยการจับปลาขึ้นให้หมด ตากบ่อกว่า 2 เดือน จนดินแห้งแตกระแหงเป็นฝุ่น แล้วก็นำรถแบ๊กโฮเข้าไปดันบ่อปรับพื้นแต่งบ่อใหม่ทั้งหมด และตากบ่อต่ออีก คิดว่าจะฆ่าปลาหมอคางดำให้หมด จากนั้นเมื่อฝนตกลงมา ตนก็เห็นว่ามีอะไรดำผุดในน้ำ ตนนึกว่าลูกอ๊อด แต่เข้าไปดูใกล้ๆ พบว่าเป็นลูกปลาหมอคางดำ ตนยังงงว่าลูกปลาตกจากท้องฟ้า หรืออยู่ในดิน แต่จากการวิเคราะห์จึงสรุปว่าปลาหมอคางดำมันคายไข่ทิ้งไว้ในบ่อ มันทนมาก ทนแดด พอมีน้ำเข้ามามันก็ฟักเป็นตัวกลับมาอีก ตนสู้มันไม่ได้ มันไม่ยอมตาย ตนไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงก็เลยเลิกเลี้ยงไปค่อนข้างเยอะ เหลือไม่กี่ร้อยไร่ และก็ต้องเปลี่ยนมาเลี้ยงปลากะพง แต่ราคาก็ไม่ดี สู้กับราคากุ้ง ราคาปลากระบอก ราคาสัตว์น้ำเมื่อก่อนไม่ได้นายณัฏฐพลกล่าวว่า ชาวบ้านก็เดือดร้อน ก็อยากฝากเตือนนักวิชาการว่าสิ่งที่น่ากลัวของปลาหมอคางดำอีกอย่างคือข่ เพราะแม้ตัวมันตาย แต่จะคายไข่ไว้ เพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์ของมัน มันไม่ใช่ว่าเราตากแดดฆ่ามันได้ เวลามันถูกจับมันจะคายไข่ทิ้งไว้ ก็เลยฆ่ามันไม่หมด เราสู้มันไม่ได้จริงๆ และไม่มีหนทางที่จะกำจัดจริงๆ ปล่อยปลากะพงไปมันก็ไปกินไม่หมด มันออกลูกเยอะ และขนาด 2 นิ้วเนี่ยมันออกลูกแล้ว หากเราปล่อยปลากะพง 4 นิ้ว หวังมันกินลูกปลาตัวเล็กๆ กินไปไข่ แต่พ่อปลาก็จะอมไข่ไว้ ปลากะพงจะกินยังไง ดังนั้น หากจะปล่อยก็ควรปล่อยขนาดฝ่ามือ หรือ 4 ขีด ก็อาจจะกินลูกปลาขนาด 1 นิ้ว 2 นิ้วได้ แต่ปลากะพงจะกินปลาชนิดอื่นก่อนและจะกินปลาหมอคางดำเป็นตัวเลือกสุดท้าย เพราะก้างมันแข็ง เวลาปลาหมอจะถูกกินมันจะกางก้างออก ปลากะพงก็กินยาก


นายณัฏฐพลกล่าวว่า ปัญหานี้มันมาจากบริษัทเอกชนที่อยู่ในพื้นที่ เพราะตนเลี้ยงสัตว์น้ำอยู่ใกล้บริษัทนั่นแหละ อยู่ห่างกันไม่เกิน 400 ม. น้ำในคลองมาถึงกันหมด ในอดีตปลาหมอคางดำไม่มี สมัยเด็กๆ ไม่มี เพิ่งจะพบในคลองเมื่อปี 2554 และเริ่มเยอะจนระบาดหนักในปัจจุบัน ที่ผ่านมาชาวบ้านลงทุนทำบ่อ 100 ไร่ เป็น 10 ล้าน แต่ปัจจุบันเขาเลี้ยงอะไรไม่ได้แล้ว เจ๊งหมด อยู่ไม่ได้ เดือดร้อนกันหมด ตนจึงฝากถึงบริษัทเอกชนให้รับผิดชอบช่วยเหลือเยียวยา สำรวจในพื้นที่มีกี่บ่อ กี่ไร่ แล้วก็มาตกลงกันว่าจะช่วยเหลือเยียวยาเท่าไหร่ คือให้เงินมา แล้วต่อไปนี้ก็คงต้องอยู่กับปลาหมอคางดำให้ได้ เพราะฆ่ามันไม่ได้จริงๆ ตนลองหลายวิธีทั้งเปิดน้ำแห้ง ทำบ่อใหม่ตากแดด ตนสู้กับปลาหมอคางดำมา 4-5 ปี ไม่ชนะมัน จึงถอดใจแล้ว


นายณัฏฐพลตั้งข้อสงสัยว่า ที่บริษัทเอกชนแจ้งว่าได้ฝังกลบปลาหมอคางดำแล้ว บริษัทจ้างใครไปฝังกลบ ตนไม่เชื่อ เพราะในอดีตใน จ.สมุทรสงคราม มีตนเป็นเจ้าของรถแบ๊กโฮ 1 ใน 2 รายของ จ.สมุทรสงคราม เท่านั้น และตนก็เคยเข้าไปทำงานในบริษัทดังกล่าวเป็นประจำ ทั้งกดเข็ม แต่งบ่อ มันคืออาชีพของตน ตนจึงไม่เชื่อว่ามีการฝังกลบซากปลาหมอคางดำ หรือถ้าเป็นจริงก็อาจจะเป็นไปได้ว่าไข่ปลามันต้องออกมากับน้ำ จึงคิดว่าตรงนี้คือแหล่งกำเนิด