เปิดพิพิธภัณฑ์โบราณสองแคว ใช้เสาตะเคียนตกน้ำมัน คนแวะเวียนขอพร ได้เลขเด็ด
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวจังหวัดพิษณุโลกรายงานว่า ลงพื้นที่พิสูจน์อาศรมวศิน เลขที่ 275 หมู่ 8 ตำบลท่าโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านไม้หลังใหญ่และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ของเก่า ซึ่งบ้านหลังนี้มีเสาตะเคียนตกน้ำมัน จำนวน 4 ต้น ซึ่งมีเรื่องลี้ลับ สำหรับคนที่ผ่านบ้านหลังนี้และคนงานมากมาย โดยมี ดร.วศิน ปัญญาวุธตระกูล เป็นเจ้าของบ้านอาศรมวศิน
ดร.วศิน ปัญญาวุธตระกูล กล่าวว่า อาศรมวศินสร้างมาแล้วเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งสร้างด้วยไม้เก่าที่สะสม เนื่องจากตนเองเป็นอาจารย์ประวัติศาสตร์เดินทางไปทั่วประเทศ และภายในบ้านก็มีของเก่าจำนวนมากที่สะสมไว้และได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ของเก่าให้บุคคลสนใจเข้าเยี่ยมชม บ้านหลังนี้มีเสาทั้งหมด 32 ต้น ซึ่งเป็นเสาต้นใหญ่ขนาด 1-2 คนโอบ และมีจำนวน 4 ต้นที่เป็นเสาไม้ตะเคียนทอง และตกน้ำมันทั้ง 4 ต้น และจากประสบการณ์ที่มีบุคคลภายนอกเล่าว่าเห็นผู้ชายใส่ชุดราชปะแตน ผู้หญิงใส่ชุดไทยรำอยู่บนบ้าน หรือเห็นผู้หญิง 4 คนอยู่บริเวณรอบบ้าน ก็ทำให้เชื่อว่าผู้หญิงทั้ง 4 คนนี้อาจจะเป็นเจ้าแม่นางตะเคียนที่คอยเฝ้าเสาต้นนั้นอยู่ ประสบการณ์ขนลุกมีอยู่ 1 ครั้ง ที่มีเด็กนักเรียนมาขอชมของเก่า เพิ่งมาคนเดียวและได้ขึ้นไปเยี่ยมชม บอกว่ามีตาคนแก่ๆ พาเยี่ยมชมของเก่าบนบ้านเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนั้นไม่มีใครอยู่บ้าน แต่เด็กนักเรียนก็ยืนยันว่ามีคนแก่พาเยี่ยมชมและอธิบายสิ่งของที่อาจารย์สะสม ซึ่งทำให้ทุกคนขนลุกไปตามๆ กัน และที่สำคัญพลาดไม่ได้คือเรื่องโชคลาภก็มีคนแวะมาเวียนไหว้ขอพรก็ได้โชคตามที่ขอ ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องเรียน และหวย
นายสถาปนิก นามวงษ์ อายุ 42 ปี เป็นหลานเจ้าของบ้าน กล่าวว่า บ้านหลังนี้มีเสาตะเคียนตกน้ำมัน จำนวน 4 ต้น ซึ่งตนมีหน้าที่ดูวงจรปิดรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน มีอยู่ครั้งหนึ่ง น้องนิสิตนักศึกษาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์มาที่บ้าน และได้โทรศัพท์มาหาตนว่าพบเห็นผู้ชายใส่ชุดราชปะแตนอยู่ชั้น 2 ของบ้าน ซึ่งตรงนั้นเป็นมุมของวงจรปิดพอดี ตนเองจึงได้ขอเวลาที่น้องนักศึกษาเห็น ตนเองจึงเปิดกล้องวงจรปิดดูย้อนหลังซึ่งขณะนั้นไม่พบใครอยู่บริเวณดังกล่าว เรื่องที่ 2 อาผู้หญิงที่เคยมาบ้านเล่าให้ฟังว่า ได้มาบ้านหลังนี้และได้บอกกล่าวว่าจะถวายพวงมาลัยให้แก่เสาตะเคียนตกน้ำมัน แต่อาผู้หญิงดันลืมถวาย ตกกลางคืนได้มีเสียงเคาะประตูดังลั่นห้องนอน อาผู้หญิงเปิดประตูดูก็ไม่พบใคร และปิดประตูนอนต่อ ก็มีเสียงคนเคาะประตูห้องนอนอีก เปิดมาก็ไม่เจอใคร คุณอาจึงคิดได้ว่าจะถวายพวงมาลัยให้แก่เสาตะเคียนตกน้ำมัน จึงรีบออกไปซื้อมาถวาย
เรื่องที่ 3 เป็นเรื่องที่คนภายนอกขับรถผ่านหน้าบ้าน พบเห็นว่าบ้านหลังดังกล่าว ตี 2 ตี 3 จะเห็นคนแต่งชุดไทยเดินบริเวณบ้านจำนวนมากเหมือนบ้านหลังดังกล่าวมีงานเลี้ยง มีคนมาร่วมงานเยอะแยะ และส่วนเรื่องขอโชคขอลาภ คนงานและนักศึกษาที่มาบ้านหลังนี้ขอโชคลาภแล้วถูกเป็นประจำ ตนเองก็ทำงานอยู่บ้านหลังนี้จึงได้บ่นลอยๆ ไปว่าไม่เคยถูกหวยสักงวด งวดหน้าขอถูกบ้างนะ จนกระทั่งวันหนึ่งอาจารย์ให้ตามช่างมาติดรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชินี จึงได้เห็นข้างฝามีเลข 104 ตนเองจึงนำเลขนี้ไปซื้อ และก็ไม่พลาดงวดนั้นออก 104 จริงๆ จึงเป็นครั้งแรกที่ถูกหวยและก็รู้ได้เลยว่าบ้านหลังนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแลจริงๆ
นายสกล ฤทธิ์เหมาะ อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นนักศึกษาที่ช่วยงานอาจารย์ กล่าวว่า เคยมาขอเลขเด็ดจากเสาตะเคียนตกน้ำมัน ก็ได้สมใจหวังถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว และขณะทำงานอยู่บ้านอาจารย์ก็เหมือนว่าไม่ได้อยู่คนเดียว สังเกตด้านหลังมีบุคคล หรือสังเกตด้านหลังจะมีคนมองตลอดเวลา และก็เชื่อว่าเป็นแม่ตะเคียนทองที่คอยดูแลบ้านหลังนี้
นางสาวขาวแม้นจันทร์ วรรณวิเศษ อายุ 24 ปี กล่าวว่า ตนสัมผัสสิ่งลี้ลับบ้านหลังนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะได้ยินเสียงคนเดินบนบ้านทั้งๆ ที่ไม่มีใคร บางครั้งทำงานก็มีความรู้สึกว่ามีคนมองอยู่ด้านหลัง บางครั้งก็มีบุคคลภายนอกขับรถวิ่งมาหาว่ากลางคืนเห็นนางรำ รำอยู่บนบ้าน แบบนี้อยู่บ่อยๆ และตนก็ทำงานอยู่บ้านหลังนี้ก็มีการกราบไหว้ขอพรเสาตะเคียนตกน้ำมันเป็นประจำทุกวัน บางครั้งก็เห็นเลข นำไปซื้อหวยก็ถูกทุกงวดเมื่อได้เห็น จึงเชื่อว่าบ้านหลังนี้มีสิ่งลี้ลับและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกปักรักษา และอีกอย่างหนึ่งบ้านหลังนี้มีของเก่าจำนวนมาก อาจเป็นเจ้าของเก่าเจ้าของเดิมเฝ้าสิ่งของสิ่งนั้นอยู่