เปิดสาเหตุกล้วยน้ำว้าแพง จากสวน 12 บ.ถึงมือคนกิน 50 บ.
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม จากสถานการณ์กล้วยน้ำว้าแพงจนเป็นกระแสดังในช่วงนี้ ทีมข่าวลงพื้นที่หาข้อมูลและสาเหตุของเรื่องดังกล่าว โดยที่ จ.ชัยนาท ได้ลงพื้นที่ไปยังต้นน้ำของเส้นทางกล้วยน้ำว้า ที่สวนกล้วยน้ำว้าของ ป้าส้มลิ้ม อ่ำนก เจ้าของสวนกล้วยน้ำว้าในพื้นที่ ต.เขาท่าพระ อ.เมืองชัยนาท เผยว่า ที่จริงแล้วราคาที่พ่อค้าคนกลางมารับซื้อกล้วยน้ำว้าที่สวนนั้น ราคาเพียงหวีละไม่เกิน 20 บาท โดยจะแยกตามขนาดกล้วยและความสวยของหวี ซึ่งราคามาตรฐานจะอยู่ที่ หวีละ 10-12 บาท ถ้าหวีใหญ่ลูกสวยก็ไม่เกินหวีละ 20 บาท
ส่วนสาเหตุที่กล้วยน้ำว้ามีราคาที่แพงขึ้นน่าจะมาจากก่อนหน้านี้ เกิดภัยแล้งในหลายพื้นที่ ทำให้กล้วยน้ำว้าได้รับความเสียหาย หักโค่นตายไปจำนวนมาก กล้วยน้ำว้าที่จะป้อนตลาดจึงขาดช่วง แต่ราคาหน้าสวนขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ขึ้นไปมากมายอย่างที่เป็นข่าว
จากต้นน้ำอย่างสวนกล้วยน้ำว้าแล้ว ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังกลางน้ำ ที่ ตลาดภาษีซุง ในตัวเทศบาลเมืองชัยนาท เพื่อสำรวจราคาขายหน้าแผง ซึ่งพบว่าราคาขายหน้าแผงกล้วยน้ำว้า ตั้งราคาขายกันอยู่ที่ 40-50 บาทต่อหวี ตามขนาดและความสวยของกล้วยน้ำว้าที่ได้มา โดย นายธงชัย รอดเหลือ พ่อค้ากล้วยบอกว่า สาเหตุที่กล้วยน้ำว้ามีราคาแพงในช่วงนี้ เป็นเพราะกล้วยขาดตลาด ทำให้พ่อค้าคนกลางต้องเดินทางไกลมากขึ้นในการตระเวนหาซื้อกล้วยมาขาย ต้นทุนการดำเนินการจึงเพิ่มขึ้น ราคาจึงขยับจากปกติหวีละ 15-20 บาท ขึ้นไปอยู่ที่ 40-50 บาท ในปัจจุบัน
ทีนี้เราไปดูที่ปลายน้ำกันบ้าง ที่ร้านกล้วยแขก หรือกล้วยทอดของ นางเผชิญ ฉิมเกิด ในตัวเมืองชัยนาท ซึ่งบอกกับเราว่า ปกติซื้อกล้วยน้ำว้ามาทอดหวีละ 15 บาท แต่ทุกวันนี้ราคาพุ่งไปถึงหวีละ 50 บาทแล้ว บางวันที่หากล้วยไม่ได้ ราคาพุ่งถึง 60 บาทเลยทีเดียว ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างมากเพราะต้องแบกต้นทุนมากขึ้น แต่ราคาขายไม่สามารถปรับขึ้นได้ ทำให้ต้องมีการปรับตัวโดยขายราคาเดิมแต่ลดปริมาณ จากเดิมขาย 12 ชิ้น 20 บาท ก็ปรับลงมาเหลือ 10 ชิ้น 20 บาท ซึ่งเมื่ออธิบายให้ลูกค้าฟังลูกค้าก็เข้าใจ แต่ถ้าหากกล้วยน้ำว้าปรับราคาขึ้นแพงไปกว่านี้ ตนเองก็คิดไว้แล้วว่าคงต้องเลิกขายกล้วยทอด ไปขายอย่างอื่นแทน เพราะแบกภาระต้นทุนไม่ไหว