หนุ่ม37 บุกบ้านสาวใหญ่ ใช้มีดจี้คอหวังขืนใจ แต่ไม่สำเร็จ หนีกลับบ้านปลิดชีพตัวเอง
เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 15 กันยายน พ.ต.ท.พิษณุ สุริยะ สว.(สอบสวน) สภ.บ้านดุง ได้รับแจ้งเหตุมีหนุ่มเพื่อนบ้านหื่นบุกบ้านสาวใหญ่ลูก 3 ใช้มีดจี้คอพยายามข่มขืน แต่ข่มขืนไม่สำเร็จ แล้วหลบหนีไป เหตุเกิดที่บ้านสันติสุข หมู่ 11 ต.บ้านดุง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งเหตุจึงพร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน สภ.บ้านดุง รุดไปตรวจสอบ
เบื้องต้นผู้เสียหายชื่อ น.ส.อ้อม อายุ 47 ปี นำเจ้าหน้าที่ชี้จุดเกิดเหตุ พบว่ากระจกหน้าต่างห้องเก็บของ ด้านข้างบ้านแตก มีร่องรอยปีนเข้าไปในบ้าน จุดที่คนร้ายใช้มีดจี้บังคับ และภายในห้องนอนพบร่องรอยผ้าปูที่นอนและผ้าห่มยับยู่ยี่ เป็นจุดที่ถูกลวนลามและพยายามข่มขืน โดยกล่าวหาว่านายสำรอง หรือเค อายุ 37 ปี หมู่ 11 ต.บ้านดุง ซึ่งมีบ้านอยู่ด้านหลังบ้านที่เกิดเหตุถัดไป 1 ซอย เป็นผู้ก่อเหตุ เมื่อลงมือไม่สำเร็จได้เดินหลบหนีไปที่บ้านตัวเอง โดยเก็บหลักฐานภาพถ่ายภายในบ้านที่เกิดเหตุไว้ทั้งหมด
ต่อมาเวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าตำรวจชุดแรกได้ไปที่บ้านของนายเค เพื่อไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง ตอนแรก นายศีลธรรม อายุ 73 ปี นายสมถิ่น อายุ 41 ปี พ่อและพี่ชายนายเค บอกว่ายังไม่เห็นน้องกลับมาที่บ้าน ไม่นานตำรวจชุดสืบสวนได้ย้อนกลับเข้าไปอีกครั้ง ไม่นานก็ได้ยินเสียงครึกโครมเสียงดังภายในบ้าน พบว่านายสมถิ่นปีนตู้เสื้อผ้ากำลังพยายามช่วยชีวิตนายเคเนื่องจากกำลังพยายามผูกคอตัวเองกับขื่อหลังคาบ้านภายในห้องนอนของน้องสาว ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ชีพ รพ.บ้านดุง มาช่วยเหลือเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล ตอนนี้อาการยังโคม่า
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเพื่อไปสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมี น.ส.ตู่ อายุ 32 ปี น้องสาว ร่วมกันให้ข้อมูลเพิ่มเติม น.ส.อ้อมเล่าว่า ตนกับสามีมีลูกสาวด้วยกัน 3 คน สามีเพิ่งรับโทษคดียาเสพติดไปเมื่อ 4 วันที่ผ่านมา อยู่บ้านหลังนี้กับลูกสาวคนรองและคนเล็ก 2 คน ลูกสาวคนโตไปทำงานที่ต่างประเทศ ตอนนี้อยู่กันเพียง 3 คน เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา หลานสาวอายุ 14 ปี ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ตนจึงไปช่วยงานศพที่บ้านญาติ ที่ห่างไปประมาณ 2 กม. ในหมู่บ้านเดียวกัน ไม่ได้นอนที่บ้าน ตอนเช้าจึงจะกลับมาอาบน้ำ
“เช้าวันนี้ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาอาบน้ำคนเดียว เมื่อมาถึงได้เปิดประตูบ้าน ระหว่างวางกระเป๋าถือที่โต๊ะกินข้าวในห้องโถงหางตามองคนเดินมาจากห้องนอน ตนเลยรีบเดินหลบไปที่ครัวเพื่อหลบให้ห่างจากคนคนนั้น เมื่อตั้งสติได้ก็พบว่าเป็นนายเค เพื่อนบ้านที่อยู่หลังบ้านตน ตอนนั้นเขาถือมีดเข้ามาจี้ที่คอ แล้วลากตนไปที่ห้องนอน เหวี่ยงตนลงบนฟูก แล้วถอดกางเกงตนออก มืออีกข้างก็เลิกเสื้อและเสื้อชั้นในของตนขึ้นมาที่หน้าอก นายเคลวนลามตนอยู่นาน พยายามจะสอดใส่อวัยวะเพศ สังเกตเห็นอวัยวะเพศนายเคฝังมุก แต่อวัยวะเพศไม่แข็งตัว”
น.ส.อ้อมเล่าอีกว่า นายเคพยายามอยู่นานก็ทำไม่ได้จนตนเจ็บระบมไปหมด ตนจึงเริ่มพูดกับนายเคเพราะกลัวนายเคจะทำร้ายจนถึงตาย บอกเขาว่าจะเอาอะไรให้เอาเลย อย่าฆ่าตนก็พอ เพราะตนยังมีลูกต้องเลี้ยงดู นายเคก็บอกว่าจะทำอะไรก็รู้อยู่ แต่ยังไงก็ต้องไปแจ้งความหรือบอกคนอื่น ตนก็ยกมือไหว้ขอชีวิตไว้ ตนจึงออกอุบายว่าก่อนจะทำอะไรขอไปเข้าห้องน้ำก่อน ด้วยความหงุดหงิดนายเคก็ผละออกจากตน ตนก็สวมผ้าถุงออกมาเข้าห้องน้ำที่อยู่นอกตัวบ้าน ตอนนั้นนายเคอยู่หน้าประตู ชี้หน้าตนพูดข่มขู่ตนอยู่ตลอดเวลา
“ระหว่างนั้นไม่นานลูกสาวและหลานสาวรวม 4 คน ก็เดินเล่นกันมาจากบ้านญาติเพื่อกลับมาที่บ้าน ตนก็มองอยู่เพราะกลัวนายเคจะทำร้ายลูกและหลาน แต่เมื่อนายเคเห็นแบบนั้นจึงเดินหลบหนีไปทางหลังบ้าน ตนจึงรีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำ รีบบอกให้ลูกหลานระวังตัวกลับไปที่บ้านญาติก่อน แล้วตนก็ไปบอกน้องสาวว่าเกิดเรื่องขึ้น น้องก็รีบแจ้งผู้ใหญ่บ้านและตำรวจมาตรวจสอบ ตอนที่เขาผูกคอตนไม่เห็น และเชื่อว่าเขาผูกคอ คิดว่าเขาแกล้งทำเพื่อหนีความผิด ตนกลัวมาก ต่อไปต้องอาศัยนอนบ้านญาติก่อน กลัวเรื่องความปลอดภัย เพราะยังมีพี่ชายและพ่อเขาอยู่บ้าน หลังจากนี้จะขอเอาเรื่องจนถึงที่สุด”
น.ส.ตู่ น้องสาว น.ส.อ้อม เล่าว่า หลังจากช่วยงานศพญาติ พี่สาวได้ขี่รถจักรยานยนต์พากลับมาอาบน้ำที่บ้าน แวะส่งตนที่บ้านก่อน แล้วพี่สาวก็ขี่รถกลับมาที่บ้านคนเดียว ไม่นานพี่สาวก็ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาหาด้วยอาการตกใจ พูดสับสนไปมา เมื่อจับใจความจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ นายเคเป็นรุ่นพี่ในหมู่บ้าน เคยเรียนประถมโรงเรียนเดียวกัน สนิทกับที่บ้านเขาพอสมควร ตอนเขาติดคุกประมาณ 10 ปีที่แล้ว ตนก็เป็นคนพาแม่เขาไปเยี่ยมที่เรือนจำ หลังจากแม่เขาตายตนก็ไม่ได้มาสุงสิงด้วยอีก ไม่นึกว่าจะกล้าทำแบบนี้กับครอบครัวตน
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของนายเค โดยนายสมถิ่น พี่ชายนายเค ได้พาไปชี้จุดที่นายเคผูกคอตัวเอง เป็นห้องของลูกสาวตัวเอง แต่ไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ อ้างว่าไม่มีกุญแจเปิด แต่ยังสามารถมองเห็นขื่อหลังคาจุดผูกคอได้ เนื่องจากไม่มีฝ้าเพดาน นายสมถิ่นเล่าว่า ตนไปช่วยงานศพในหมู่บ้าน เป็นศพของผู้สูงอายุอีกหลังหนึ่ง กลับมาบ้านก็ดึกแล้ว ไม่เห็นน้องชายอยู่ที่บ้าน ก็คิดว่าคงออกไปช่วยงานศพแล้วไปเล่นกับเพื่อน ตื่นมาตอนเช้าก็ยังไม่รู้ว่าน้องไปไหน สักพักก็ได้ยินเสียงน้องกำลังผูกคอจึงรีบเข้าไปดูกับตำรวจที่มาที่บ้าน น้องก็ทิ้งตัวลงมาพอดี จึงรีบช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล ไม่รู้ว่าน้องไปทำอะไรที่บ้านหลังนั้น แต่เชื่อว่าไม่ไปทำแบบที่เขากล่าวหาแน่นอน
นายศีลธรรม พ่อนายเค เล่าว่า ตนไปช่วยงานศพมา กลับมาที่บ้านก็เหนื่อยและเวียนหัว ตื่นเช้ามาก็มีตำรวจมาที่บ้าน มาถามหานายเค ตามที่เขาไปแจ้งความกล่าวหาลูกชายตน ตนก็ยังไม่รู้ว่าลูกชายไปไหน ที่เขากล่าวหาว่าลูกตนไปทำเรื่องไม่ดีแบบนั้นตนไม่เชื่อ เพราะลูกชายตนไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนั้น ลูกชายอาจจะคิดว่าถูกใส่ร้ายจึงคิดสั้นแบบนั้น และคิดว่าที่ลูกชายไปที่บ้านหลังนั้นเพราะต้องการไปเอายาเสพติด บ้านหลังนั้นมีประวัติค้ายาเสพติด ลูกชายตนก็เสพยา จึงต้องไปที่บ้านหลังนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายเคเคยต้องโทษหลายคดี ล่าสุดเพิ่งพ้นโทษคดียิงคนตายในพื้นที่ อ.บ้านดุง เมื่อเดือนธันวาคม 2566 ออกมาก็มีอาชีพรับจ้างทั่วไป เบื้องต้นอาการยังไม่พ้นขีดอันตราย ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ หลังจากนี้หากนายเคมีอาการดีขึ้นพนักงานสอบสวนจะต้องทำการสอบปากคำ และรอให้ น.ส.อ้อม เข้ามาให้รายละเอียดอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป