เขื่อนเจ้าพระยา เร่งพร่องน้ำ เตรียมรับมือฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุซูลิก
เมื่อวันที่ 20 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากกรมชลประทานประกาศแจ้งเตือน 11 จังหวัดภาคกลางประกอบด้วย อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และ กรุงเทพมหานคร ที่ต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่จะเกิดขึ้นจากอิทธิพลจากร่องมรุสมกำลังแรง และพายุโซนร้อนซูลิก ที่จะเคลื่อนตัวเข้าเวียดนาม ที่จะทำให้ฝนตกหนักทางตอนบนและภาคกลางของประเทศระหว่างวันที่ 20-22 ก.ย. มีผลทำให้ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนเจ้าพระยามากขึ้นและอาจมีการพิจารณาปรับเพิ่มการระบายแบบขั้นบันไดขึ้นไปในเกณฑ์ไม่เกิน 1,500 ลบ.ม./วินาที ช่วงกลางสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป โดยจะทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนยกตัวขึ้นอีก 60-100 ซม.
เขื่อนเจ้าพระยาคงการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนเพื่อรักษาสมดุลน้ำทั้ง 2 ด้าน โดยปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงเขื่อนเจ้าพระยามีแนวโน้มลดลง ขณะที่จุดวัดน้ำ C2 หน้าค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วัดได้ 1,129 ลบ.ม./วินาที โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยายังทรงตัว ล่าสุดวัดได้ 14.42 ม.รทก. (เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง)
ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาได้คงการระบายน้ำไว้ที่ 1,049 ลบ.ม./วินาที เป็นวันที่ 3 เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างน้ำเหนือและท้ายเขื่อน และสร้างพื้นที่ว่างในลำน้ำรองรับปริมาณน้ำจากอิทธิพลของพายุซูลิก ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนทรงตัวในรอบ 48 ชม. ขณะนี้วัดได้ 11.16 ม.รทก.
ทั้งนี้ จากการลดการระบายน้ำอย่างต่อเนื่องของเขื่อนเจ้าพระยา จะส่งผลดีกับพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ริมคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล บ้านบางหลวงโดด ต.บางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ระดับน้ำลดลง 5-10 ซม.ใน 24 ชม.ข้างหน้า แต่จากปริมาณฝนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของพายุซูลิก จึงยังต้องขอให้พื้นที่ลุ่มนอกคันกั้นน้ำเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ และติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิดต่อไป