เมื่อเวลา14.00 น.วันที่ 11 มีนาคม พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี เรียกประชุมวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ เพื่อสั่งการให้สถานีตำรวจทุกแห่งของ จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมกันหาเบาะแสการหายตัวไปของน.ส.วาเลนติน่า โนวาชเฮโนว่า(Valentina Novozhenova) อายุ 23 ปี สัญชาติรัสเซีย เหตุเกิดที่เกาะเต่า
โดย พ.ต.ท.โชคชัย สุทธิเมฆ สวญ.สภ.เกาะเต่า รายงานต่อที่ประชุม ว่า นางวาวาร่า นาเมสนิโคว่า สัญชาติรัสเซีย แม่พร้อมกับญาติของ น.ส.วาเลนตินา ได้เดินทางมายังเกาะเต่าแล้ว เจ้าหน้าที่ได้พาไปพักที่โรงแรมแบนไดวิ่ง และสอบปากคำแม่ของน.ส.วาเลนติน่า เบื้องต้นได้ความว่า น.ส.วาเลนตินา เพิ่งเรียนจบระดับปริญญาตรี และเคยเรียนดำน้ำที่ประเทศรัสเซีย มา 4 ปี แต่จะเรียนดำน้ำในสระว่ายน้ำเท่านั้น ยังไม่เคยออกไปดำน้ำในทะเลจริงๆ นอกจากนี้น.ส.วาเลนติน่า ยังเป็นคนที่รักธรรมชาติ ชอบดำน้ำ เดินป่า ซึ่งทางแม่ของ น.ส.วาเลนตินา ยังเชื่อว่าลูกสาวอาจจะสูญหายจากการดำน้ำ
ขณะที่ทางตำรวจได้เก็บตัวอย่าง DNA จากแม่ของผู้สูญหายไว้แล้ว รวมทั้งนำสิ่งของที่เก็บได้ในห้องพักทั้งหมด มอบให้กับแม่ของ น.ส.วาเลนตินา ซึ่งแม่ของ น.ส.วาเลนตินา จะยังพักอยู่ในเกาะเต่า เพื่อรอผลการค้นหา โดยแม่ของ น.ส.วาเลนตินา พอใจการทำงานของตำรวจที่พยายามออกติดตามค้นหาอย่างเต็มความสามารถ ทั้งนี้ทางพนักงานสอบสวนจะนำสิ่งของที่พบในทะเลทั้งหมด มาให้แม่ของสาวรัสเซียตรวจสอบ ว่าเป็นของใช้ของลูกสาวหรือไม่
ล่าสุดการค้นหาในรอบบ่ายทีมดำน้ำจำนวน 8 คน ได้เริ่มทำการดำค้นหาบริเวณใต้น้ำจุดหน้าวิวพ้อยท์รีสอร์ต อีกครั้งโดยใช้วิธีการดำจากทะเลที่มีความลึกประมาณ 7 เมตรเป็นหน้ากระดานเดินหน้าเข้าหาฝั่ง และจากความลึกระดับ 7 เมตร ออกไปสู่ทะเลในระดับความลึกประมาณ 17 เมตร แต่การดำในช่วงบ่ายต้องพบอุปสรรคกระน้ำเปลี่ยนทิศและขุ่นมัวทัศนวิสัยมองเห็นได้ไม่เกิน 1 เมตร และต้องยุติลงเมื่อเวลา 17.00 น.
ด้านพ.ต.ท.โชคชัย สุทธิเมฆ สวญ. สภ.เกาะเต่า ได้เรียกประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเดินทางของผู้สูญหายอีกครั้งหลังจากการค้นหาที่ผ่านมาทั้งทางบกและทางทะเลยังไร้เบาะแส และการสืบสวนทราบว่า น.ส.วาเลนตินา มีโรคประจำตัวที่ขัดกับกฎข้อห้ามของนักดำน้ำถึง 4 โรคประกอบด้วย เป็นโรคหอบหืด โรคลมชัก โรคซึมเศร้า และโรควิตกกังวล ต้องใช้ยาประจำ ซึ่งน.ส.วาเลนตินา ได้โพสต์ใน VK หรือเฟซบุ๊กรัสเซีย และบรรยายในไดอารี่ส่วนตัวว่าตัวยาที่กินอยู่กำลังจะหมดต้องเดินทางไปซื้อที่กรุงเทพฯ ซึ่งอาจเป็นชนวนประอุบัติเหตุขณะดำน้ำได้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้น้ำหนักในประเด็นการค้นหาทางใต้น้ำ แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นอื่น
