ใต้จมหนัก เจอฝนโหด ปริมาณน้ำมหาศาล คาดหนักอีก 2 วัน ชี้หากไปภาคเหนือเสียหายเพิ่ม 10 เท่า
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก รายงานสถานการณ์ปริมาณน้ำฝนที่ตกตั้งแต่เวลา 07.00 น. วันที่ 27 พฤศจิกายน ถึง 07.00 น.วันที่ 28 พฤศจิกายน 10 พื้นที่ เรียงลำดับจากมากไปน้อยดังต่อไปนี้
1.อ.ระแงะ จ.นราธิวาส 459.6 มิลลิเมตร (มม.)
2.อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส 432.6 มม.
3.อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส 380.4 มม.
4.อ.หนองจิก จ.ปัตตานี 376.3 มม.
5.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส 372.8 มม.
6.อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส 357.8 มม.
7.อ.ตากใบ จ.นราธิวาส 353.2 มม.
8.อ.หนองจิก จ.ปัตตานี 349.6 มม.
9.อ.กรงปินัง จ.ยะลา 343.5 มม.
10.อ.เมือง จ.ปัตตานี 322.6 มม.
นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการส่วนพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยกับมติชนออนไลน์ ว่า ตอนนี้ภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนปริมาณน้ำฝนยังอยู่ในขั้นวิกฤต โดย 10 อันดับแรก นั้นอยู่ในระดับ 300 มม.ขึ้นไป สูงสุดอยู่ที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส 459.6 มม. จากเดิมเมื่อวานนี้ เป็น อ.ยี่งอ ที่สูงถึง 504 มม. วันนี้น้ำฝนที่ อ.ยี่งอ ลดลงมาเป็นอันดับที่ 2 เหลือ 432.6 มม. ก็ถือว่ามากอยู่ ทั้งนี้ ในทางอุตุนิยมวิทยา ปริมาณน้ำฝน 90-91 มม. ก็ถือว่าสูงแล้ว
เมื่อถามว่า ฝนภาคใต้จะเป็นแบบนี้ไปถึงวันไหน ผู้อำนวยการส่วนพยากรณ์อากาศกล่าวว่า ดูจากแผนที่แล้ว ปริมาณเมฆยังคลุมอยู่ในพื้นที่เท่าเดิม คาดว่าวันนี้ (28 พฤศจิกายน) กับวันที่ 29 พฤศจิกายน ส่วนวันที่ 30 พฤศจิกายน คาดว่าน่าจะลดลงแล้ว แต่จะลดลงแค่ไหน ต้องดูเป็นวันต่อวัน
ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ถือว่าน้ำฝนในพื้นที่ภาคใต้โหดมาก ตกเยอะมาก หากน้ำฝนขนาดนี้ไปตกที่ภาคเหนือ จะเกิดความรุนแรงกว่าเดิมที่เป็นอยู่ 10 เท่า แต่โชคยังดีที่พื้นที่ภาคใต้ไม่เอื้อให้เกิดภัยพิบัติรุนแรง บ้านเรือนประชาชนไม่ค่อยอยู่ตามร่องน้ำหลาก จึงไม่กระทบต่อบ้านเรือนเหมือนที่ภาคเหนือที่ส่วนใหญ่บ้านอยู่ร่องน้ำ มีที่เดียวที่มีบ้านอยู่ในร่องน้ำมากคือ ที่ อ.เมือง จ.ยะลา
เมื่อถามว่า ฝนแบบนี้ถือว่าเป็นเพราะปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศหรือไม่ ศ.ดร.สันติกล่าวว่า เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่มีทั้งเล็กทั้งใหญ่ นานๆ ใหญ่ๆ มาสักที แต่คราวนี้ถือว่าใหญ่มาก โหดมาก
“วันนี้ทางจุฬาฯเราจะเปิดวอร์รูม เพื่อคอยเป็นที่ปรึกษาให้กับเจ้าหน้าที่ ที่ทำงานในพื้นที่ เพราะเรามีข้อมูลเหตุเกิดที่ไหนอย่างไร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานในพื้นที่ โทรเข้ามาปรึกษา โดยทำงานควบคู่ไปกับเจ้าหน้าที่จนกว่าจะช่วยเหลือประชาชนได้หมด” ศ.ดร.สันติกล่าว
