รองผู้การ ลงพื้นที่ ชาวบ้านร้อง ‘ทุนจีน’ รุกป่าจันทบุรี 1.8 พันไร่ จ่อเรียกผู้ถือครองแสดงเอกสาร

รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจันทบุรี ลุยตรวจคืบหน้า กรณีมีผู้ร้องเรียนนายทุนจีนรุกถางป่ากว่า 1,800 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ระบุชัดมีความผิดฐาน แผ้วถางป่ามาตรา 54 โดยไม่ได้ขออนุญาต

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ต.อ.ธราเทพ ตูพานิช รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.คฑพล พรมดอนชาติ ผกก.สภ.แก่งหางแมว นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณแปลงสวนยางพารา ภายในซอยพร้อมเพรียง หมู่ 7 ต.แก่งหางแมว อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการถูกร้องเรียนว่ามีนายทุนเป็นชาวจีนอยู่เบื้องหลัง เข้ามาบุกรุกแผ้วถาง เตรียมทำสวนปลูกทุเรียน เนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ ตามที่เป็นกระแสข่าวแพร่ออกไป

จากการตรวจสอบ พบพื้นที่ดังกล่าวอยู่บนเนินเขาลาดชัน บริเวณด้านบน มีทั้งตอไม้ยางพาราและไม้อื่นๆ ถูกโค่นลง จนกลายเป็นลานกว้างไกล สุดลูกหูลูกตา สังเกตด้วยตาเปล่าตั้งอยู่บนภูเขา 2 ลูก ติดกัน โอบล้อมด้วยแนวกันชนที่เป็นแหล่งน้ำและสวนยางพารา และพื้นที่เกษตรกรรมจำพวกไม้ผลของชาวบ้านอาศัยเป็นที่ทำกิน ด้วยเอกสารสิทธิ คทช. หรือการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล

ADVERTISMENT

โดยทาง พ.ต.อ.ธราเทพ ตูพานิช รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี เปิดเผยว่า จากการรายงานของ พ.ต.อ.คฑพล พรมดอนชาติ ผกก.สภ.แก่งหางแมว ทราบว่าสิทธิทำกินของชาวบ้านในพื้นที่ อ.แก่งหางแมว ส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่ป่าสงวน ชาวบ้านครอบครองตามเอกสาร คทช.มาอย่างยาวนานหลายชั่วอายุคน มีการจับจองมีอาณาเขตชัดเจน

ในส่วนของพื้นที่ที่มีข่าวร้องเรียนว่ามีนายทุนรุกที่ก็คือแปลงเดียวกันนี้ แท้จริงมีเพียง 1,800 ไร่เศษ ซึ่งหากจะระบุฐานความผิด คือ เข้าข่ายแผ้วถางป่าตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ โดยไม่ได้ขออนุญาต ทั้งนี้ จะแจ้งผู้ถือครองพื้นที่ดังกล่าวได้นำเอกสารมาแสดง ก่อนจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ส่วนที่ว่าจะเป็นของนายทุนจีนเทาหรือไม่นั้น คาดว่าไม่น่าจะใช่ แต่ทั้งนี้ไม่ได้ตัดประเด็นดังกล่าว ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและการเชิญตัวผู้ครอบครองมาให้ปากคำ

ADVERTISMENT

ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงแปลงที่ดิน 1,800 ไร่ ยอมรับว่าอาศัยทำกินมานานกว่า 30 ปี เท่าที่ทราบ แปลงสวนยางที่ถูกแผ้วถางบนเนินเขาใกล้บ้านดังกล่าว เป็นของมูลนิธิแห่งหนึ่งในชลบุรี ซึ่งใช้พื้นที่ทำการเกษตร ประเภทสวนยางพารา ปลูกมันสำปะหลังเรื่อยมา กระทั่ง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้มีการเปลี่ยนผู้ถือครองสิทธิ เป็นนิติบุคคลรายหนึ่งในพื้นที่จังหวัดระยอง ส่วนตัวเชื่อมั่นไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนข้ามชาติแต่อย่างใด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image