ผู้ต้องสงสัย ยอมสารภาพแล้ว สังหาร 3 ศพ พ่อแม่ลูก เปิดชนวนเหตุ
เมื่อเวลา 16.40 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ รอง ผบช.ภ.6 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร ยังคงประชุมติดตามความคืบหน้าในการสืบสวนคดี 3 ศพ พ่อแม่ลูก นายวงศกร อายุ 37 ปี, น.ส.นัทกานต์ อายุ 35 ปี และ ด.ช.นัทกร หรือน้องซันเดย์ อายุ 7 ขวบ ซุกในรถกระบะ โดยทั้ง 3 ราย หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2568 โดยผลการชันสูตรพบว่าทั้ง 3 ราย ถูกอาวุธปืนยิงศีรษะ
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีประชุมกันนานกว่า 2 ชั่วโมง พล.ต.ต.อมรศักดิ์, พลตำรวจตรี โอภาส คงเมือง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร, พ.ต.อ.เอนก จันทร์สอน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร, พ.ต.อ.รัฐศรัณย์ เกตุสิงห์สร้อย ผู้กำกับการ สภ.คลองขลุง เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ขณะนี้ตำรวจนำบุคคลที่ต้องสงสัยมาสอบปากคำ โดยให้การว่าเอาปืนมาจำนำกับผู้ตาย ตำรวจเชื่อว่าเป็นปืนกระบอกเดียวกันกับที่ใช้ก่อเหตุ โดยบุคคลที่นำมาสอบปากคำในวันนี้ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และตำรวจสืบทราบว่ามีความสนิทสนมกับน้องชายของผู้ตายด้วย
ส่วนประเด็นเรื่องเบอร์โทรศัพท์ปริศนานั้น ยืนยันว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนด้วยคนงานชาวพม่าและคนไทย ซึ่งเป็นบุคคลปริศนา ซื้อมาใช้เพื่อส่งข้อความหาน้องชาย รวมถึงยังมีการเชื่อมโยง โทรไปหาบุคคลอื่นๆ ซึ่งในส่วนนี้ตำรวจได้มีการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้
- ผลชันสูตร 3 ศพ ถูกยิงศีรษะหมด ชี้ผู้ตายซื้อที่ดินไว้ ค้างจ่ายเป็นแสน เจ้าของที่รู้ข่าวแล้วช็อก
- สอบเครียด 4 ผู้ต้องสงสัย คดีฆ่า3ศพ รู้แล้วใครส่ง SMS ปริศนา ถึงน้องชายผู้ตาย
ขณะที่อาวุธปืนที่ทราบว่าเป็นปืนบีบีกันดัดแปลงเป็นอาวุธปืนจริง ซึ่งเป็นปืนที่ผู้ตายเป็นผู้ครอบครองนั้น ในส่วนนี้ตำรวจยังไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจากยังไม่พบปืนที่ใช้ก่อเหตุ
ด้านผลการชันสูตรทั้ง 3 ศพ เบื้องต้น พบบาดแผลจากรอยกระสุนที่ศีรษะทั้ง 3 ราย แต่ยังให้รายละเอียดเรื่องจำนวนนัดที่ยิงไม่ได้ ต้องรอผลชันสูตรอย่างละเอียด
ที่ สภ.คลองขลุง ตำรวจ สภ.คลองขลุง เชิญตัว นายศิวกร เพื่อนของโป๊งเหน่ง หรือบอล น้องชายของแจง (ผู้ตาย) มาสอบปากคำกว่า 6 ชั่วโมง เนื่องจากมีข้อมูลว่าเป็นบุคคลที่นำปืนมาให้ผู้ตาย พร้อมอ้างว่าเอาปืนมาจำนำกับผู้ตาย โดยตำรวจสอบเข้มตลอดทั้งวัน
เวลา 17.40 น. ตำรวจพานายศิวกรออกมาเก็บดีเอ็นเอ ตรวจร่างกายเพื่อหารอยตำหนิต่างๆ ซึ่งระหว่างคุมตัวออกจากห้องเก็บพยานหลักฐานนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า เดินทางมาให้ปากคำเรื่องอะไร แต่นายศิวกรตอบว่า “ยังไม่ใช่ผู้ต้องหา ยังไม่มีความผิด แค่เดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจเท่านั้น”
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงการนำปืนไปจำนำผู้ตาย แต่นายศิวกรไม่ยอมตอบคำถาม และเมื่อถามว่า ได้โทรออก หรือรับสายเบอร์ปริศนาของชาวพม่าหรือไม่ นายศิวกรก็เผลอตอบว่า ตนโทรเป็นปกติทุกวันอยู่แล้ว แต่พอผู้สื่อข่าวย้ำว่าโทรปริศนา นายศิวกรเหมือนได้สติ มีอาการเออะอะ และไม่ได้ตอบคำถามอะไรอีก พร้อมพูดสั้นไว้ว่า “ผมก็รู้พร้อมๆ กับพวกพี่” ก่อนจะเดินเข้าห้องสอบสวนไปอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดผลการสอบสวนนายศิวกรได้ว่ามีความเชื่อมโยงไปทางใดบ้าง
ต่อมาเวลา 19.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศิวกรได้รับสารภาพว่าเป็นผู้สังหาร 3 พ่อแม่ลูก โดยอ้างว่าได้เอาปืนไปจำนำกับผู้ตาย แต่ผู้ตายไม่ให้เงิน จึงทำให้โกรธ และลงมือฆ่า ยืนยันว่าทำคนเดียว แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากผู้เสียชีวิต (ผู้ชาย) ตัวใหญ่ จึงเชื่อว่าน่าจะมีผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ช่วยอุ้มศพ จากนี้เจ้าหน้าที่ยังคงสอบปากคำและเร่งตามหาผู้เกี่ยวข้องต่อไป